ทำอย่างไรให้คนรู้จักและอยากซื้อคอร์สออนไลน์ของเรา
มาถึงหัวข้อที่สองกันค่ะ ทับทิมจะขอเข้าใจว่า ผู้ที่อ่านคือผู้ที่อยากทำคอร์สออนไลน์ แต่ก็ยังเป็นมือใหม่เนอะ
คิดว่าทุกคนน่าจะสงสัยว่า ถ้าเราทำคอร์สแล้ว แล้วเราจะทำยังไงให้เป็นที่รู้จัก และทำยังไงให้คนอยากซื้อ ใช่มั้ยคะ
โดยส่วนตัวมองว่า หากเราเป็นคนที่ยังไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์ ไม่มีปริญญาหรือใบประกาศนียบัตรว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ จุดนี้เราต้องไปโฟกัสเรื่องการทำ Personal Branding ค่ะ
การทำ Personal Branding ก็คือการนำเสนอตัวตนของเราให้คนอื่นรับรู้ ให้คนอื่นรู้จักเรา และจำเราได้ค่ะ
ถ้าเรายังกลัว ยังไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยตัวตนบนโลกออนไลน์ แล้วใครจะกล้ามาเรียนกับเรา ถูกมั้ยคะ เพราะฉะนั้น อย่าได้กลัวการสร้าง Personal Branding ค่ะ
เราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนไปหมดทุกด้านนะคะ เอาแค่ด้านที่ดูดีก็พอค่ะ ทำได้ด้วยการสร้างคอนเทนต์ ถ่ายทอดเรื่องราวสอดแทรกทักษะ ความชำนาญ ความรู้ของเรา ประสบการณ์ของเรา บวกกับบุคลิกภาพของเราเข้าไปค่ะ สร้างเอกลักษณ์ให้ตัวเองโดดเด่น น่าเชื่อถือ และเป็นที่จดจำค่ะ
อ้อ แต่ต้องทำออกมาแล้วดูไม่ Fake นะคะ มีศิลปะในการถ่ายทอดเรื่องราวเนอะ
ทำไมเราต้องทำ Personal Branding หรือทำให้คนอื่นรู้จักเราก่อน
เพราะถ้าเค้ารู้จักเรา รู้สึกว่าเราจริงใจ เป็นมิตร เค้าเห็นสิ่งที่เราทำ เค้าจะชื่นชมเรา และอยากเป็นบ้าง พอเค้าอยากเป็นแบบเราบ้าง นั่นแหละค่ะ เค้าก็จะอยากเรียนกับเราค่ะ
มาเริ่มกันเลยค่ะ
กลุ่มเป้าหมาย
ก่อนอื่นเลย เราต้องตั้งเป้าหมายก่อนค่ะว่าเราจะสื่อสารกับใคร ก็คือกลุ่มลูกค้าหรือนักเรียนของเรานั่นแหละค่ะ เราจะสอนใคร เพราะแต่ละกลุ่มบุคคล วิธีการสื่อสาร วิธีการถ่ายทอดไม่เหมือนกันค่ะ
เช่น สอนเด็กเล็ก สอนเด็กวัยรุ่น สอนผู้ใหญ่วัยทำงาน สอนผู้ใหญ่ที่มีอายุมากหน่อย สอนแม่บ้าน สอนหลายๆ กลุ่มคละกัน การสื่อสาร การใช้คำพูดต่างกันทั้งหมดนะคะ
วิธีการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
หลังจากรู้กลุ่มเป้าหมายแล้ว วิธีการที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายก็สำคัญค่ะ ที่ง่าย สะดวก และประหยัดที่สุด ทับทิมแนะนำให้ทำเพจเฟซบุ้คและการอัพวิดีโอลงช่องยูทูปค่ะ
ขอพูดถึงเฟซบุ้คก่อนนะคะ การสร้าง Personal Branding บนเฟซบุ้คมีสองแบบคือ ทำบน Personal Facebook หรือก็คือบัญชีส่วนบุคคลของเรา กับการทำบน Facebook page ซึ่งมีข้อดีแตกต่างกันไป
การทำบนบัญชีส่วนบุคคลนั้น เราจะเข้าถึงกลุ่มคนที่เป็นเพื่อนในเฟซบุ้คของเราอยู่แล้ว ซึ่งถ้ากลุ่มคนเหล่านั้นเป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา วิธีการนี้ก็น่าจะได้ผลดีค่ะ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ บางทีเพื่อนในเฟซบุ้คเราอาจจะไม่เยอะ และไม่ใช่ทุกคนที่จะสนใจคอร์สของเราค่ะ
แต่ถ้ากลุ่มเพื่อนในเฟซบุ้คไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย แนะนำให้สร้างเพจเฟซบุ้คขึ้นมาใหม่ค่ะ การทำคอนเทนต์ลงบนเพจ จะช่วยให้เราเข้าถึงบุคคลได้หลากหลายกว่า รวมถึงมีสถิติให้เราด้วยว่า โพสต์ของเราเข้าถึงคนกี่คน มีคนปฏิสัมพันธ์กับโพสต์เราเยอะแค่ไหน และยังสามารถทำโฆษณาได้ด้วย ในขณะที่โพสต์บนเฟซบุ้คส่วนตัวจะทำโฆษณาไม่ได้ค่ะ
เมื่อตัดสินใจจะสร้างตัวตนบนเฟซบุ้คแล้ว ก็เริ่มต้นจากรูปโปรไฟล์หรือรูปประจำตัวเลยค่ะ แนะนำให้ใช้รูปเดี่ยวของตัวเอง รูปที่ดูดี ดูเป็นมืออาชีพ ดูน่าเชื่อถือค่ะ
พวกรูปสัตว์เลี้ยง รูปการ์ตูน รูปที่เห็นเราตัวนิดเดียว รูปถ่ายรวมกับคนอื่น ขอให้เปลี่ยนนะคะ
ต่อไปก็เริ่มโพสต์คอนเทนต์ต่างๆ ที่เราสนใจ หรือที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราจะสอน โดยอาจจะเขียนแบบเล่าเรื่องว่า วันนี้ฉันทำอะไรมา (ที่เกี่ยวกับที่จะสอน) แนะนำว่าควรเป็นโพสต์ที่ให้ความรู้ หรือเกร็ดความรู้ หรือเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ หรือสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำเรื่องนั้นๆ
นอกจากการเขียนแบบเล่าเรื่องแล้ว ยังเขียนแนวให้ความรู้ตรงๆ ได้ เช่น
3 วิธีช่วยให้_____
5 เหตุผลที่ต้องทำ_____
7 ขั้นตอนในการทำ_____ง่ายๆ
9 เทคนิคช่วยให้การทำ_____ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ รูปที่โพสต์ก็สำคัญเช่นกัน ควรทำรูปให้มีความสวยงาม น่าสนใจ จะขอไม่ลงลึกมากนะคะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถหาเทคนิควิธีการทำได้จากอินเตอร์เน็ตทั้งนั้นค่ะ
ก็ต้องยอมรับว่า ยุคสมัยนี้ คนนิยมดูวิดีโอกันมากขึ้น แต่แต่ละแพลตฟอร์ม ลักษณะของผู้ใช้จะค่อนข้างแตกต่างกัน เช่น ผู้ใช้เฟซบุ้คจะเลื่อนฟีดไปเรื่อยๆ พอเห็นวิดีโอก็อาจจะหยุดดูนิดนึง ก่อนจะตัดสินใจว่าจะดูต่อหรือเลื่อนผ่าน ดังนั้น วิดีโอที่โพสต์บนเฟซบุ้คช่วง 5 วินาทีแรกสำคัญมากค่ะ ควรจะเป็นไฮไลท์เนื้อหาสำคัญของวิดีโอนั้นๆ
YouTube
มาพูดถึง YouTube กันค่ะ
ส่วนตัวชอบและใช้วิธีนี้และรู้สึกว่ามันได้ผลดีค่ะ นั่นก็คือการทำวิดีสอนให้ความรู้บนยูทูป เราสามารถนำเนื้อหาที่เราจะสอนมาย่อยให้เป็นหัวข้อเล็กๆ แล้วทำวิดีโอออกมา ก็จะได้หลายวิดีโอเลยค่ะ
หัวข้อที่ทำอาจจะเป็นหัวข้อเดียวกับที่แนะนำการเขียนโพสต์ด้านบนค่ะ
ผู้ใช้งานยูทูปส่วนใหญ่เป็นคนที่ต้องการหาความรู้ค่ะ เค้าอยากรู้ เค้าถึงต้องไปค้นหาในกูเกิล หรือค้นหาในยูทูปนั่นแหละ ทำให้เค้ามาเจอช่องยูทูปเราและตั้งใจกดเข้ามานั่งดู
ข้อดีของการทำยูทูปคือ ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นความเป็นตัวเราได้ทันที คิดว่าหลายคนน่าจะเคยเจอแบบว่า เราเปิดเข้าไปดูวิดีโอของยูทูบเบอร์คนหนึ่งที่ให้ข้อมูลดีมาก แต่เรากลับไม่ชอบวิธีที่เค้าสื่อสาร เช่น การพูดจา คำพูด น้ำเสียง ท่าทาง หรือแม้แต่การตัดต่อวิดีโอของเค้า ถูกมั้ยคะ
แต่เมื่อเราเปิดไปเจออีกคนที่อธิบายได้เข้าใจเหมือนกัน แถมยังพูดจาดี น้ำเสียงไพเราะน่าฟัง รู้สึกถูกชะตากับคนนี้
หากสองคนนี้เปิดคอร์สสอนออนไลน์ เราจะอยากเรียนกับกับใครมากกว่ากันคะ จริงๆ เรื่องนี้ไม่มีผิดไม่มีถูกนะคะ เพราะว่าแต่ละคนลักษณะความชอบไม่เหมือนกันค่ะ
แต่ก็นั่นแหละค่ะ ข้อดีของการทำยูทูปคือ กลุ่มเป้าหมายเราจะเห็นบุคลิกท่าทางของเรา ตัวตนของเราก่อน หากเค้าชอบในสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเป็น เค้าประทับใจในตัวเรา เค้าก็จะอยากเรียนกับเราเช่นกันค่ะ
ทับทิมเองก็ได้นักเรียนจากกลุ่มคนที่ดูยูทูปมาทั้งหมด แทบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาใดๆ เลย ยืนยันว่าวิธีนี้ได้ผลจริงๆ ค่ะ
หวังว่าจะได้ไอเดียกันไปใน Blog นี้นะคะ ถ้าชอบก็ฝากแชร์ต่อกันไปด้วยนะคะ
