ในที่นี้เราจะพูดถึงการทำธุรกิจ Drop Shipping กับลูกค้าต่างชาตินะคะ
ทำไมต้องลูกค้าต่างชาติ
เพราะว่าลูกค้าต่างชาติมีกำลังการซื้อมากกว่าค่ะ พูดง่ายๆ คือ ค่าเงินของเค้าแพงกว่าไทยค่ะ สินค้าบางอย่างที่เราตั้งราคาบวกกำไรไปแล้ว ราคาอาจจะถูกกว่าที่ขายตามร้านทั่วไปในประเทศเค้าค่ะ อีกทั้งการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นที่นิยมในต่างประเทศมากๆ นั่นหมายความว่ากลุ่มลูกค้าเราจะใหญ่มาก แล้วทำไมเราต้องมาติดและตันอยู่ที่ตลาดประเทศไทยเพียงกลุ่มเดียวล่ะคะ และหากเราสามารถขายออนไลน์ไปได้ทั่วโลก เราก็จะสามารถหารายได้ได้ตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนที่เราหลับอยู่ถูกมั้ยคะ
สิ่งที่ควรเตรียมก่อนเริ่มธุรกิจ Drop Shipping กับลูกค้าต่างชาติ
1. ชื่อร้าน – ควรจะเป็นชื่อที่อ่านง่าย จำง่าย อันนี้แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนเลย อาจจะตั้งใจสัมพันธ์กับสินค้าที่เราจะขายก็ได้ หรือเป็นชื่อเฉพาะก็ได้ และชื่อร้านควรจะเป็นชื่อเดียวกันกับ Domain name ของร้านกรณีทำเว็บไซต์นะคะ เพื่อความน่าเชื่อถือค่ะ หากใครอยากได้ไอเดียในการตั้งชื่อร้าน ลองดูเว็บนี้ค่ะ https://biznamewiz.com/
2. สินค้าและจุดยืนของร้าน – เราควรจะหาจุดยืนของร้านก่อนค่ะ ว่าอยากขายแบบไหน ราคาและกำไรกี่เปอร์เซ็น ขายปลีกหรือขายส่ง ขายสินค้าประเภทเดียว หรือหลายประเภทไปเลย จากนั้นก็หาสินค้า อาจจะเลือกจากสิ่งที่เราชอบก็ได้ เราจะได้ให้ข้อมูลลูกค้าได้ละเอียด หรือเลือกจากสินค้าขายดีในช่วงนั้น แต่อย่าลืมว่าสินค้าตามเทรนด์ตามเทศกาล จะมีคู่แข่งเยอะตามด้วยค่ะ และที่สำคัญคือการหาคู่ค้าหรือผู้ผลิตที่เป็นมืออาชีพ อ่านวิธีเลือกผู้ผลิตได้ที่นี่
3. กลุ่มเป้าหมายและแผนการตลาด – ในที่นี้คือเราอยากขายของให้ลูกค้าต่างชาติถูกมั้ยคะ วางแผนให้ดีค่ะว่าสินค้าเราคืออะไร และต้องขายของให้ใคร เช่น กลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน หรือกลุ่มคุณแม่ รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง หรืออยากขายให้กับลูกค้าประเทศไหนเป็นพิเศษ จากนั้น หาวิธีการโปรโมทสินค้าที่เหมาะสมกับช่องทางการขายของเรา
4. หน้าร้าน เว็บไซต์ หรือ online platform ต่างๆ – ตรงนี้แล้วแต่ถนัดเลยค่ะ ทุกแพลตฟอร์มมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ศึกษาให้ดีค่ะ ศึกษารวมไปถึงค่าทำโฆษณา เพราะบางแพลตฟอร์มต้นทุนทำร้านอาจจะถูก แต่ค่าโฆษณาแพงมาก บางแพลตฟอร์มเราอาจไม่จำเป็นต้องหาลูกค้าเองเลยก็ได้ ลูกค้าจะเป็นคนเข้ามาหาร้านเราเอง
5. ช่องทางการชำระเงินของลูกค้า – หากทำการค้าขายกับลูกค้าต่างชาติ เนื่องจากการกรอกข้อมูลบัตรเครดิตลูกค้าลงในเว็บที่ลูกค้าไม่รู้จัก อาจไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่ PayPal ถือเป็นช่องทางที่น่าเชื่อถือ สามารถสมัครและใช้งานได้ง่าย และเป็นที่นิยมในต่างประเทศค่ะ นอกจากเราจะใช้ PayPal ในการรับเงินจากลูกค้าแล้ว เรายังใช้ PayPal ในการซื้อสินค้าออนไลน์ได้ด้วยค่ะ วิธีการสมัครสามารถทำได้ตามคลิปนี้ค่ะ
6. ช่องทางการชำระเงินของเรา – เมื่อเราต้องสั่งของกับผู้ผลิตซึ่งส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศด้วยนั้น บัตรเครดิตสำคัญมากค่ะ หากใครมีแล้วก็สบายไป หากใครยังไม่มีหรือไม่สามารถทำได้ บัตร K-web shopping card เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดค่ะ บัตรนี้เป็นบัตรที่ทำหน้าที่เสมือนกับบัตรเครดิต ทำให้เราสามารถจับจ่ายซื้อของออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย ควรสมัครไว้และผูกกับ PayPal ไว้เลยค่ะ วิธีการสมัคร ทำตามคลิปนี้ได้เลยค่ะ
7. รีวิว – ร้านเราควรมีรีวิวค่ะ เหมือนกับตอนที่เราเป็นลูกค้า จะซื้อสินค้าอย่างนึง อ่านรายละเอียดสินค้าแล้วน่าสนใจมาก แต่ถ้ารีวิวไม่ดีก็จบค่ะ หรือถ้าไม่มีรีวิวก็อาจจะขอคิดนึดนึง อาจจะเลือกมองหาร้านอื่นที่มีรีวิวยืนยันดีกว่าถูกมั้ยคะ
8. การตอบคำถามลูกค้า – ภาษาอังกฤษสำคัญนะคะ เนื่องจากเราต้องใช้มันตลอดเวลา ทั้งการลงรายละเอียดสินค้า รวมไปถึงการตอบคำถามลูกค้าด้วยค่ะ แต่หากใครภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรง ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ทุกวันนี้เรามีเทคโนโลยีช่วยแปลภาษาเยอะมาก รู้ภาษาอังกฤษแค่พื้นฐานก็สามารถขายของออนไลน์ได้ทั่วโลกแล้วค่ะ
9. เวลาและความอดทน – การทำธุรกิจต่างๆ ย่อมต้องใช้เวลา ความมุ่งมั่น และความอดทนทั้งนั้น แม้แต่การทำธุรกิจแบบ Drop Shipping ที่แม้จะไม่ต้องสต๊อกของหรือส่งสินค้าเอง แต่ก็ต้องให้เวลาในการค้นหาสินค้าที่ดี การทำการตลาด การศึกษาหาข้อมูลใหม่ๆ รวมไปถึงการตอบคำถามลูกค้าด้วยค่ะ
เห็นมั้ยคะ การเริ่มต้นขายของออนไลน์นั้นไม่ได้ยากมากค่ะ เพียงแค่เราต้องศึกษารายละเอียดให้ดี บทความต่อไปทับทิมจะพูดถึงการเริ่มต้นขายของออนไลน์กับลูกค้าต่างชาติต้องทำยังไงบ้าง รวมไปถึงแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ อย่าลืมติดตามกันนะคะ
สอบถามคอร์สเรียน >> Click