เมื่อการเป็นอาสาสมัครมันไม่ง่ายอย่างที่คิด [Volunteer Life]

หนาวแล้วววว

หนาวแล้วจ้าาาา

หนาวแล้วโว้ยยยย

เมื่อถึงปลายเดือนพฤศจิกายน อากาศก็เริ่มเย็นลง อุณหภูมิเริ่มติดลบ หิมะเริ่มตก ได้เห็นหิมะตกครั้งแรกในชีวิตแล้วล่ะ ตื่นเต้นๆ

แต่แค่นี้พอแล้ว ข้ามไปซัมเมอร์เลยได้มะ ฮ่ะๆๆ

หลังจากมาใช้ชีวิตอยู่โปแลนด์ดินแดนฟักกิ้งเพียโรกิได้สองเดือน เริ่มกรอกตาค่ะ

สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านบล็อกแรกของเรา ที่เกี่ยวกับการทำงานอาสาสมัครที่นี่ ตามอ่านได้ลิ้งค์นี้เลยค่ะ


ค่ายภาษาอังกฤษต่างแดน [Volunteer Life]




จะเล่าให้ฟังว่ามันเป็นยังไง

อย่างที่รู้ๆกันว่า การมาอยู่ร่วมกันกับคนอื่น ต่างชาติต่างภาษาต่างวัฒนธรรมต่างเพศต่างวัย มันย่อมมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นให้เราได้เรียนรู้และปรับตัว

เราจะบอกว่า เรื่องราวที่จะเล่านี้ จริงๆมันซีเรียสจริงจังและเครียดมากนะ (หรอ?) แต่เมื่อผ่านมันมาได้ ก็ไม่คิดไรมากแล้วอ่ะ ขำๆไป





ขอเริ่มจากเรื่องที่ซัฟเฟอร์เรามากที่สุด อาหารค่ะ

เค้าบอกว่ามีอาหารเลี้ยง เช้า กลางวัน เย็น.. ใช่ค่ะ กินฟรีค่ะ ที่โรงแรมที่เราทำงานน่ะแหละ แต่แต่แต่…

เวลาที่เราออกจากบ้านไปทำงานตามปกติคือ 9.00น. ใช้เวลา 15 นาทีก็ถึงที่ทำงาน และเนื่องจากกิจกรรม energizer กับเด็กๆ เริ่ม 9.30น. คือจะมีเวลากินข้าวเช้า 15 นาที แต่แต่แต่…

ถ้าวันไหนต้องรอชาวบ้านแม่งตื่นสายทำไรชักช้าดีเลโอ้เอ้โน่นนี่นั่น ซึ่งปกติของชาวบ้านเค้าเลยค่ะ เราก็จะแทบไม่มีเวลากินข้าวก่อนทำกิจกรรมเลย

ละคือเราไม่มีแรงอ่ะ จะเอาแรงที่ไหนไปเอนเนอไจเซอร์กับเด็กอ่ะ เข้าใจป้ะ

ละพอทำเอนเนอไจเซอร์เสร็จตอนสิบโมง แม่ครัวก็เก็บข้าวหมดละ ต้องตามไปขอในครัว บางวันทีมดี นางอารมณ์ดี นางก็ให้แบบดีๆ บางวันนางก็ให้แบบเหวี่ยงๆ




ส่วนข้าวกลางวันนั้น คดเบี้ยวมากค่ะ ไม่เที่ยงตรงนะคะ บ่ายสองจ้า (เข้าใจมุกเราป่ะ ฮ่ะๆๆ)

คือไม่เข้าใจว่าทำไมบ่ายสอง ละข้าวเย็นคือหกโมงเย็น ไม่มีความบาลานซ์เลย

ยังค่ะ ยังไม่หมดเรื่องอาหาร..

อย่างที่รู้ๆกัน ชาวยุโรปดำรงชีวิตอยู่ด้วย ขนมปัง ชีส แฮม เบคอน มีทโลฟ เนย แยม มะเขือเทศ แตงกวา แตงกวาดอง บลาๆๆ ซึ่งเราไม่แตะเลยจ้า เป็นคนไม่กินของพวกนี้อยู่แล้ว เป็นพวกกินยากอยู่ยากนิดนึง ขนมปังอะไรแข็งมาก ฟันแทบหัก เค็มด้วย แม้แต่แยมก็ยังไม่อร่อยเลย คือเค้ากินกันไปได้ยังไง



สิ่งที่เรากินได้อย่างเดียวคือ ไข่ค่ะ ไข่ต้ม ไข่คนน้ำมันเยิ้มๆก็พอไหว คือวันๆนึงเนี่ย กินไข่ไม่รู้วันละกี่ฟอง เยอะสุดน่าจะ 6 ฟองได้

ตอนเช้าบางทีก็กินซีเรียลกับนมบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ไข่คนหนึ่งจานทุกเช้า ก็ไม่รู้กี่ฟองอยู่ดี






เห็นปัญหาเรายัง

ยังหรอ

ยังไม่หมดนะ

มื้อเย็นก็มาประมาณนี้เลยจ้า อาหารเหมือนๆกัน ไม่้เข้าใจว่าทำไมกิน cold meal ตลอด เห็นบอกว่า ทำให้ไม่หนักท้องงี้






ส่วนมื้อกลางวันนั้นเป็น hot meal อาหารร้อน ซึ่งเมนูจะเปลี่ยนและซ้ำๆเดิมๆทุกๆ 3วัน

อ่ะ เริ่มเห็นปัญหาความซ้ำซากจำเจป้ะ

วันแรก เป็นซุปมันฝรั่งและสปาเก็ตตี้ หืมมม ไม่เลิฟค่ะ อ่ะ นางเห็นเอเชีย นางเสิร์ฟข้าวหุง กับต้มหมู (อารมณ์น้ำราดราดหน้าอ่ะ แต่มีแต่หมู ไม่มีผัก) มาให้ด้วย ใส่พริกไปก็พอไหว


วันที่สอง จะเป็นเพียโรกิ อาหารขึ้นชื่อ อาหารประจำชาติ อาหารที่ทุกคนแค่ได้ยินชื่อก็จะยิ้มกว้างตาลุกวาว การไม่ชอบเพียโรกิถือเป็นอาชญากรรมได้เลย โกทูเจล!

หน้าตาเป็นแบบนี้

มันคือเกี๊ยว ข้างในเป็นมันฝรั่งจ้าาา ต้มให้สุก ตักออกมาแล้วเอาน้ำมันราดลงไปอีกที ออยลี่มากๆๆๆจ้าาา

ไม่ปลื้ม ไม่ชอบ เกลียดมาก โอเคนะ จะคาร์โบไฮเดรตและไขมันไปไหน

แต่ปกติเค้าก็จะทอดตับน้ำมันเยิ้มให้กินนะ ทำข้าวผัดให้เราด้วย ใส่พริกไปก็ถือว่าพอถูๆ ไถๆ กระเพาะไปได้




วันที่สาม จะเป็นไก่อบค่ะ ถือว่าเป็นเมนูที่ดีงามที่สุดในรอบสามวัน เสิร์ฟพร้อมมันบด (มันฝรั่งอีกแล้วค่ะ) อ่ะ เป็นไก่ ใส่พริกไปถือว่ากินได้

ส่วนวันที่สี่ เป็นวันหยุดของเรา ก็ตื่นมาทำกับข้าวกินเอง ฟินสุดละ

จริงๆ อาหารการกินมันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากมายถ้าเราอยู่นี่แค่อาทิตย์เดียว แต่นี่เราอยู่นานไง เราก็กินอาหารเดิมๆ ซ้ำๆ ทุกๆ 4 วัน ลองคิดสภาพดูละกัน





นี่แค่เริ่มต้น.. เรายังมีเรื่องเม้าเกี่ยวกับอาหารการกินอีกค่ะ



เนื่องจากว่าบ้านหลังนึงเราอยู่กันหลายคน ชั้นล่างสุดมีแต่ผู้หญิง ประมาณ 6-7 คน แล้วแต่ช่วงว่าใครอยู่ยาวใครอยู่แปปเดียว


และส่วนใหญ่เป็นคนเอเชียค่ะ เราก็รักการทำอาหารเป็นพิเศษ นอกจากวันหยุดแล้ว วันทำงานกลับมาถึงบ้านห้าทุ่มนางก็ยังเปิดครัวทำมื้อดึกกันตลอดค่ะ


หลังจากไล่ชิมมาทุกชาติ สรุปได้ดังนี้


ฟิลิปปินส์โน กินรสจัดมากๆๆๆ เค็มจัดแหละหวานจัด ผัดไก่หน้าตาน่ากินนะ คล้ายๆเทอริยากิ แต่แบบเค็มมากกกก ไม่ก็หวานมากกกก กินได้คำเดียวสองครั้งสองรสชาติคือพอเลย


อินโดนีเซียน นี่ก็ติดเค็ม พริกก็จะผสมน้ำตาลนิดๆ แถมพริกไม่เผ็ดด้วย คือรสจัด แต่ไม่เท่าฟิลิปปินส์โน อัดข้าวเข้าไปเยอะๆ ก็โอเคอยู่ อาหารที่นางทำบ่อยสุดเห็นจะเป็น ทอดไข่เจียวใส่เส้นมาม่า


เวียดนามมีส สองสาวนี่ขยันทำครัวมาก รสชาติคล้ายไทยมากสุดละ เพราะนางกินจืด เรานี่เป็นปลื้ม โรยพริกหน่อยนี่เริ่ดมาก และนางชอบกินผักมาก อาหารนางต้องมีผักและซุปทุกมื้อ คือดีงาม


อูกันดา นอกจากนางจะมาจอยอาหารเอเชียนบ้าง ไม่ก็มีคนยกไปเสริฟให้ถึงเตียงบ้าง ก็ไม่รู้ว่านางทำไรเป็นบางแฮะ อ้อ ชาพาติ มันคือแป้งบางๆทอดกรอบ แบบอาหารอินเดียนอ่ะ มันๆน้ำมันเยิ้มนิดๆ กินแทนข้าวหรือกินเปล่าก็ได้ เก็บไว้กินได้หลายวัน


จอร์เจียน แทบไม่เคยเห็นนางทำกับข้าวเลยจ้ะ และนางกินน้อยมาก สิ่งเดียวที่เห็นนางกินได้ทุกวันคือ ชีส แค่นั้นแหละ


อาร์เซอร์ไบจาน ผู้ชายข้างบนที่เรามีโอกาสได้ชิมอาหารนางบ้าง หน้าตาอาหารเหมือนจะเผ็ด เหมือนจะอร่อย แต่ก็นั่นแหละ แค่เหมือนจะ…


ส่วนไทย ก็อย่างที่รู้ๆกัน เผ็ดเปรี้ยวนำมาก่อนค่ะ ยกความดีความชอบให้เจ้จูน แม่ครัวประจำตัว สองสาวไทยนี่ไปไหนก็มองหาพริกตลอดเวลา เวลากินพริกก็จะบ่นตลอดว่า พริกที่นี่ไม่เผ็ดเลยยยย ใส่แบบเปลืองมาก เสียชื่อพริกหมด









สุดท้าย อยากจะโพสรูปและตั้งชื่อรูปว่า “อย่าให้ผู้หญิงอยู่ด้วยกัน”





กินแล้วไม่ล้างจ้า 3-4 วันล้างที คือไม่ไหวนะ

เวียดนามมีสทำแล้วล้างตลอด เราก็ล้างตลอด และที่เห็นแบบนี้เป็นทุกอาทิตย์ ไม่โอเคอย่างรุนแรง






ปิดเรื่องอาหารการกินไว้แค่นี้ ต่อไปจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร รอติดตามนะค๊า ^^






Story and Photos by ทับทิม theTabbiesWorld


Follow me :

IG : thetabbiesworld

FB : thetabbiesworld

Youtube : thetabbiesworld

Share what you've read:
Posted in Lifestyle, Volunteer Life and tagged , , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *