ค่ายภาษาอังกฤษต่างแดน [Volunteer Life]

สวัสดี โปแลนด์ ดินแดนแห่ง เพียโรกิ..

หลังจากจบค่ายที่เบลเยียม เราก็มาต่อกันที่โปแลนด์ค่ะ

เมืองที่เราอยู่ก็จะค่อนข้างบ้านนอกหน่อยๆ จากเบลเยียมต้องต่อเครื่องที่ Warsaw มาลงที่ Wroclaw (จริงๆมีบินตรงด้วยแหละ พึ่งรู้หลังจากมาถึงแล้ว ฮ่ะๆ) ใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมง จากนั้นก็นั่งรถบัสจากสนามบินมาลงที่สถานีรถไฟ แล้วก็นั่งรถไฟมาลงที่เมือง Bystrzyca Klodzka แต่ยังไม่ลงนะ นั่งเลยไปลงป้ายใกล้ๆ ที่พัก Domazkow ละก็มีคนมารับ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง

เมืองนี้แทบจะสุดเขตแดนโปแลนด์ละ ขับรถไม่กี่นาทีก็เข้าประเทศเชกได้เลย

สำหรับค่ายนี้ชื่อค่ายว่า Euroweek พูดง่ายๆ ก็คือ English camp บ้านเรานั่นแหละ คือยูโรวีคเนี่ยเหมือนเป็นองค์กรจัดค่ายให้เด็กๆทั่วโปแลนด์มาเข้าค่ายภาษาอังกฤษ เด็กๆก็มาจากทั่วประเทศจริงๆนะ บางโรงเรียนต้องนั่งรถบัสหรือรถไฟมา 9-10 ชั่วโมงเลยก็มี เด็กบางคนก็มา 2-3 ครั้งละ นี่ขนาดว่าเด็กต้องจ่ายเงินมาเข้าค่ายนะ

กิจกรรมจะจัดขึ้นในโรงแรมต่างๆในเมืองนี้ มีประมาณ 5-8 โรงแรมแล้วแต่ว่าช่วงไหนคนน้อยหรือคนเยอะ เด็กก็จะพักในโรงแรมนั้นเลย

ส่วนที่พักของอาสาอย่างเรามีหลายที่ บางที่ก็อยู่กัน 5-6 คน ส่วนเราอยู่เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น 2 ห้องน้ำ 2 ห้องครัว ซึ่งมีอาสาอยู่รวมกันประมาณเกือบ 20 คน อาสาเหล่านี้ก็มาจากทั่วโลกแหละ มีทั้ง ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม อูกันดา อุรุกวัย เนปาล โคลอมเบีย จอร์เจีย ตุรกี บลาๆๆ นึกสภาพดูละกัน

สำหรับบล็อกนี้เราจะเขียนเกี่ยวกับการทำงานหลักๆ ละกันนะ

เด็กจะมาเข้าค่ายทั้งหมด 5 วัน วันแรกเด็กจะทยอยเข้าโรงแรม เราก็จะเริ่มงานกันประมาณ 6 โมงเย็น ซึ่งมีแค่กล่าวเปิดงาน ยินดีต้อนรับ แนะนำตัว อะไรประมาณนี้ แปปเดียวเสร็จ จากนั้นก็มีประชุมครู แล้วก็เปิดเพลงให้เด็กเต้นกัน

วันที่สองสามสี่ของเด็ก เป็นการทำกิจกรรมทั้งวัน เริ่มจาก 9.30 energizer ต่อด้วย workshop สลับกับเกม หรือ Country Presentation คือการแนะนำประเทศเราให้เด็กๆว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง เหมือนเป็นการเปิดโลกเปิดหูเปิดตา มีพาเดินออกไปชมหมู่บ้านแถวๆนั้นและแวะช้อปปิ้ง ถ้าอากาศดีนะ กินข้าวกลางวันตอนบ่ายสอง ทำกิจกรรมต่อ และกินข้าวเย็นตอน 6 โมงเย็น และเรากลับบ้านตอน 3 ทุ่มกว่าๆ

คืนแรกและคืนที่สองของเด็ก จะเปิดเพลงให้เต้น เด็กที่นี่ชอบเต้นเพลงแนว Disco polo แบบต้องจับมือเต้นโดดๆไปมาเป็นคู่ๆ มีบางส่วนเต้นแบบ shuffle dance ได้ บางส่วนก็มาแนวยิมนาสติกเลย ตัวอ่อนมาก

คืนที่สามจะเป็น Talent show ก็จะได้เห็นความกล้าแสดงออกของเด็กๆ มีทั้งร้องเพลง เต้น เล่นมายากล ตีลังกาแบบยิมนาสติก และอื่นๆ

คืนสุดท้ายจะเป็น Mission Impossible เราจะให้หัวข้อมิชชั่นยากๆกับเด็ก แต่ก็ไม่ได้ยากมากหรอก เด็กบางกลุ่มก็ทำออกมาได้ดีเลย หลังจากนั้น ก็เป็นพิธีปิด ถามความรู้สึกละก็มอบเกียรติบัตร เป็นอันจบหนึ่งค่าย

วันรุ่งขึ้นเด็กกลับบ้าน ก็จะเป็นวันพักผ่อนของเราครึ่งวัน เพราะตอนหกโมงเย็นก็ต้องไปรับเด็กกลุ่มใหม่ เริ่มพิธีเปิดใหม่ แบบนี้วนไปเรื่อยๆ ทุกวันๆๆๆๆๆๆๆ

จากประสบการณ์การทำค่ายทั้งที่ไทยและที่โปแลนด์ จะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างเด็กไทยกับเด็กโปแลนด์ เช่น

เด็กที่นี่ส่วนใหญ่กล้าแสดงออก ส่วนใหญ่นะ เวลาขออาสาสมัครให้ออกมาทำโน่นทำนี่นางก็แย่งกันออกมา ชอบเต้น ชอบร้องคาราโอเกะ กล้าที่จะเข้ามาคุยกับคนแปลกหน้าอย่างเราทั้งๆที่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ บางคนไม่ได้เลยก็พยายามสื่อสาร ชอบให้เอาปากกามาร์กเกอร์เขียนตามตัวตามหน้า ขอลายเซ็นบ้าง ผู้หญิงโตขึ้นมาหน่อยประมาณม.ต้นก็จะบ้าผู้ชาย ผู้ชายมาทีนี่กรี๊ดยังกะเจอดารา เอออันนี้ไม่น่าต่าง และเด็กก็ค่อนข้างพูดมาก บอกให้เงียบก็ยาก บางทีเงียบได้แปปเดียวเสียงดังอีกละ เราว่าข้อนี้เด็กไทยน่ารักกว่า

สุดท้ายในส่วนของเราค่ะ

เค้าเรียกคนจัดกิจกรรมอย่างเราว่า อาสาสมัคร แต่เราว่ามันอารมณ์เหมือนคนทำงานประจำนั่นแหละ เพราะทำงานเป็นรูทีนทุกวันๆ ตั้งแต่ 9 โมงครึ่ง ยันสามทุ่มครึ่ง พูดซ้ำๆ กิจกรรมเดิมๆ ถ้าเจอเด็กน่ารักก็ดีไป ถ้าเจอเด็กรุงรังเราก็จะรุงรังตามไปด้วย แบบว่าหมดแรงกลับบ้านกันไป

อยู่ที่นี่เหมือนทำงานทุกวันอ่ะ มีวันหยุดเดือนละ 8 วัน เลือกวันได้ ส่วนใหญ่ก็สะสมละหยุดทีเดียวไปเลย เที่ยวไปยาวๆ

ถามว่าดีมั้ย

คือถ้าใครไม่เคยมีประสบการณ์การทำงาน หรือการทำค่ายทำกิจกรรมที่ไทยมาก่อน แต่รักเด็กชอบเด็ก เราก็แนะนำอยู่นะ น่าจะได้อะไรเยอะจากที่นี่

ส่วนถ้าใครมีประสบการณ์การทำงานในบริษัทมาก่อน หรือเคยทำค่ายทำกิจกรรมที่ไทยมาก่อนอยู่แล้วแบบเรา เราว่าเราไม่ค่อยได้เยอะ จะรู้สึกถึงความแตกต่างของการทำงานมากๆ แล้วก็จะเริ่มหงุดหงิดว่าทำไมไม่ทำแบบนี้ล่ะ ทำไมทำแบบนี้ล่ะ จะมองเห็นปัญหาเยอะมาก ปัญหาทั่วๆไปที่เกิดขึ้นซ้ำๆ รับรู้แต่ไม่พัฒนา อะไรประมาณนี้

สิ่งที่เราได้คือการเรียนรู้ว่าประเทศอื่นเค้าทำกิจกรรมกันยังไง แล้วเราก็ปรับตามเค้า มันค่อนข้างอึดอัดเพราะมันต่างจากบ้านเราค่อนข้างเยอะ

แต่สิ่งที่เราได้แน่ๆ คือ ภาษาค่ะ จากที่เป็นคนพูดช้าและพูดเบามาก ต้องปรับเยอะเลย เราต้องพูดให้เร็วขึ้นและปรับจูนสมองตัวเองให้ฟังชาวบ้านรู้เรื่องเวลาเค้ารัวภาษาอังกฤษใส่เรา ต้องพูดให้ดังขึ้นเวลาทำกิจกรรมกับเด็ก จากที่เคยพูดแต่ภาษาอังกฤษแค่เพื่อการสื่อสาร นี่ต้องมาพูดอะไรที่เป็นทางการเป็นงานเป็นการมากขึ้น ก็ฝึกกันเยอะค่ะ

อีกอย่างหนึ่งคือ การใช้ชีวิต เคยดูหนังดูซีรีส์ฝรั่งมาก็เยอะ ไม่คิดว่าจะต้องมาใช้ชีวิตอะไรแบบนี้ คือในบ้านเราคนมาจากทั่วโลกอยู่กันเกือบ 20 คน ความแตกต่างทางวัฒนธรรมก็มีเยอะ แต่มันก็สนุกดี ตื่นมาทำกับข้าวกินกัน เดินไปซื้อของ นั่งจับกลุ่มเม้า ชวนกันวางแผนเที่ยว ปาร์ตี้กันที่บ้าน บลาๆๆ ก็ปรับตัวกันไป แต่สนุกดี

เอาไว้บล็อกต่อไปจะเล่าถึงความแซ่บของการใช้ชีวิตที่นี่ละกันนะ

รอติดตามกันค่าาา..

Story and Photos by ทับทิม theTabbiesWorld


Follow me :

IG : thetabbiesworld

FB : thetabbiesworld

Youtube : thetabbiesworld

Share what you've read:
Posted in Lifestyle, Volunteer Life and tagged , , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *