ททอินไต้หวัน : ไทเป Taipei

มาต่อกันค่า ใครยังไม่ได้อ่านภาคแรก กดที่นี่เลย 


[Review] ททอินไต้หวัน : ไถจง Taichung


 

Third Day

วันนี้เราตื่นเช้าหน่อย แปดโมง ฮ่ะๆ เก็บของเตรียมเข้าไทเปค่ะ กลับไทเปด้วยรถไฟความเร็วสูงเหมือนเดิม จาก HSR Taichung ไป Taipei Main Station แบบจองที่นั่ง 700TWD หลับไปเช่นเคย อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุก ที่พักเราวันนี้อยู่ตรงไทเปเมนสเตชั่นเลย ชื่อ NEWSOHO พึ่งจองเมื่อคืน อิอิ

มีความอยากลองของแปลกค่ะ NEWSOHO เป็นโฮสเทลที่อยู่บนตึก เหมาไปเลยหนึ่งชั้น ขึ้นลิฟท์รวมกับคนมาทำงาน เด็กมาเรียนพิเศษไรงี้ อันนี้ไม่แปลก เข้ามาตรงห้องนั่งเล่นและห้องครัวคือดีงาม มีให้ทุกอย่าง กาแฟสด ชา ถ้วยชามช้อนส้อม แก้ว ตู้เย็น ไมโครเวฟ น้ำดื่ม ก็ตามสไตล์โฮสเทล อยากกินไรก็ทำกินเองเลย อันนี้ก็ไม่แปลก แปลกตรงที่นอนค่ะ แปลกสำหรับเรานะ คือเป็นแบบเคบิน ห้องนอนแยกเล็กๆ และเป็นโซฟาเบด เบาะแบบเบาะโรงยิมอ่ะ ไม่มีผ้าปูที่นอนนะ มีหมอน ผ้าห่ม กระจก ตู้เซฟ ปลั๊กพ่วง โคมไฟ และอุปกรณ์อาบน้ำให้ครบ แต่คือ นอนเบาะแบบนี้ ไม่มีผ้าปูที่นอนแบบนี้ กลางคืนมันจะต้องเย็นมาก หรือไม่ก็เหงื่อออกแบบเหนียวๆแน่ๆเลยอ่ะ เราเลยเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ของนางมาปูนอนแทน ฮ่ะๆๆ รอดอยู่นะ ข้อเสียคือ เสียงดังค่ะ เพราะมันไม่เก็บเสียงเลยซักนิด คนอื่นทำอะไรได้ยินหมด ที่ห้องนอนห้ามใช้เสียงนะ ห้ามกินด้วย อยากกินไปกินในครัวไรงี้ ห้องน้ำห้องอาบน้ำดีค่ะ เอาไว้พิจารณาเนอะ แปลกดี เผื่อใครอยากลอง

เช็กอินได้ 4 โมง โอเค ฝากของแล้วไปเที่ยวกันก่อนค่ะ วันนี้เราจะไปเมืองโบราณจิ่วเฟิ่น เริ่มต้นที่ Taipei Main Station แหล่งรวมรถไฟฟ้า เดินตามป้ายรถไฟฟ้า Metro Bannan Line สายสีฟ้าค่ะ ไม่รู้ถามคนในสถานี ไม่งั้นอาจจะเดินไปโผล่ HSR หรือ TRA ได้นะ นั่งไป MRT Zhongxiao Fuxing Station (BR10 , BL15) ถึงแล้วออกทางออก 2 ละเดินไปป้ายรถเมล์ฝั่งเดียวกันค่ะ รอรถเมล์สาย 1062 ไปจิ่วเฟิ่น 98TWD 





นั่งรถเมล์ชิวๆไปเรื่อยๆ เนื่องจากจิ่วเฟิ่นเป็นเมืองโบราณที่อยู่บนดอย รถก็จะเริ่มขึ้นเขา ทางคดเคี้ยว ก็จะมีคนลงระหว่างทางเรื่อยๆ รถเรามีแวะรับคนจากลานจอดรถด้วย เป็นทัวร์จีนขึ้นมาเกือบเต็มคันรถ เข้าทางเราละ จากนั้นเราก็ลงตามทัวร์จีนค่ะ แล้วก็เดินตามเลย



ก็ไม่มีไรมาก ทัวร์จีนก็พาเดินถนนคนเดิน พาชิมของกินแปลกๆ ที่ไม่แปลกในสายตาเรา บางร้านมีภาษาไทยกำกับไว้ด้วย ก็มีพวก เต้าหู้ บัวลอย ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ไรงี้ ไม่ๆๆ เรามาจิ่วเฟิ่นเรามีเป้าหมาย เราอยากได้มุมถ่ายรูปที่เป็นฉากในการ์ตูน Spirited Away แบบนี้


Image result for spirited away จิ่วเฟิ่น

เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ หามุมนี้ไม่เจอซักที เปิด gps ไม่ช่วยอะไรเลย เริ่มท้อใจ อยากกลับแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นตามหาป้ายรถเมล์แทน พอกำลังเดินลงบันไดเท่านั้นแหละ เงยหน้าขึ้นมาก็เจอมุมนี้เลย ดีใจน้ำตาจะไหล ถือว่าการมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่า




Spirited Away เป็นการ์ตูนค่าย Ghibli ที่ครูสมัยมัธยมชอบพูดถึงว่าดีมากๆ เราก็เลยไปหาดู ซึ่งก็โอเคนะ ใครจะไปไต้หวันก็แนะนำให้ดูนิดนึง เผื่อจะอินกับจิ่วเฟิ่นมากขึ้น ที่นี่จริงๆ วิวสวยมากกก อากาศดีมากกก แต่คนเยอะไปหน่อย ส่วนใหญ่ก็มาเดินหาของกิน นั่งจิบชาร้านที่มีระเบียงเพื่อชมวิวสวยๆ ไม่รู้สิ เราเหนื่อย เราอยากกลับละ






ลำดับต่อไป เวลายังเย็นๆอยู่ ว่าจะไปตลาด Night Market ซัก 2 ที่ เอาจริงๆ คือขี้เกียจเดินแล้ว ระหว่างอยู่บนรถเมล์กลับเข้าเมืองก็เปิดแผนที่ไปเรื่อยๆ ตัดสินใจไป Elephant Mountain ละกัน รีวิวดีเหลือเกิน


เรามาลงที่ MRT Taipei City Hall แล้วก็นั่งรถเมล์ไปลงแถวๆตีนเขา ป้าย Xin Yi Junior High School ก็มีหลายสายนะ เปิดกูเกิลแมปได้เลย จริงๆถ้ามาจากที่อื่นก็ไปลง MRT Xiangshan ได้เลย น่าจะใกล้สุดละ เดินตามแผนที่นะคะ มองซ้ายมองขวาด้วย จะเจอป้าย Xiangshan Hiking Trail แสดงว่ามาถูกละ



แล้วจะเจอทางขึ้นค่ะ ตรงนี้เป็นเส้นทางปีนเขานะคะ ใครคิดจะมาแนะนำว่าให้ฝึกออกกำลังกายขามาก่อนซะหน่อย จริงๆ มาไต้หวันเดินเยอะมากนะ ควรจะวอร์มแข้งขามาก่อนจริงๆ ส่วนการปีนเขานี่เราไม่ได้ทำใจมาก่อนเลย คือมาถึงที่ละเห็นสภาพทางเดินก็ยืนทำใจแปปนึงเหมือนกัน แต่มาถึงแล้วนี่ กลัวอะไรล่ะ ไปค่ะ




ที่นี่เค้าทำดีมากเลยนะ ไม่ต้องกลัวเหงา เพราะคนเยอะมาก แนะนำให้ไปประมาณ 5 โมงเย็นกำลังดี อาม่าทั้งหลายก็มานะ มาพร้อมไม้เท้า ค่อยๆไต่ขึ้นไป บันไดก็ทำอย่างดี มีราวให้จับด้วย


เหนื่อยมากค่ะ บอกเลย นี่เจ็บหน้าอกด้วย กลัวหัวใจจะวายสุดๆ แต่ก็ยังเชื่อว่าตัวเองแข็งแรงนะ หันไปมองหน้าคนข้างๆ แล้วก็ไต่ๆ ตามเค้าไป อย่ายอมแพ้บรรดาอาม่าค่ะ ที่นี่มี AED ด้วยนะ แต่อยู่ข้างล่างเลย ใครเป็นอะไรไปก็หวังว่าจะมีคนไปเอามาทัน


ใกล้ถึงจุดหมาย ก็จะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูป คนเยอะมาก วัยรุ่นเยอะมาก มีคนปีนขึ้นก้อนหินใหญ่ๆเพื่อไปถ่ายรูปด้วย วิวสวยจริง เด็กๆก็หน้าตาดี ในเมื่อเรามาคนเดียว อยากจะต่อคิวถ่ายรูป แต่ก็เกรงใจเค้า เลยเดินขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อไปจุดถ่ายรูปที่สวยที่สุด เป็นระเบียง มีที่ให้นั่งชมวิวด้วย





ตอนนั้นเวลาเกือบ 6 โมงเย็นค่ะ พระอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า ฟ้าสวยมากกก วิวสวยมากกกกก ยอมเลย ไม่คิดว่าวิวตรงหน้าที่มีแต่ตึกสูงๆ จะสวยขนาดนี้




นั่งรอค่ะ เหนื่อยค่ะ เลยตั้งใจนั่งรอชมพระอาทิตย์ตก รอดูไฟตรงนี้แหละ หามุมได้ก็นั่งเลย ยาวๆ 2 ชั่วโมง ไม่ลุกไปไหนเลย ทำไปได้ไง งงตัวเอง แต่ต้องทำนะ เพราะคนเยอะมากกกก ทุกอณูเลย ลุกแล้วไม่มีที่นั่งแน่นอน




ขอบอกว่าที่นี่คือแหล่งรวมผู้ชายหน้าตาดีค่ะ ไม่ต้องไปตามหาตามห้างหรือตามตลาด ที่นี่แหละ บนเขาเซี่่ยงซานนี่แหละ ทั้งผู้ชายไต้หวันและต่างชาติ คืองานดีมากกก เป็นลมล้มไปซักหน่อยรับรองว่าได้แน่ๆ



และแล้วก็ถึงเวลาลุกมาถ่ายรูป ยืนรอแทรกชาวบ้าน เนื่องจากไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมาด้วย ไม่คิดว่าจะมาถ่ายอะไรแบบนี้เลยทิ้งขาตั้งกล้องไว้ที่โรงแรม โชคดีที่ตรงระเบียงมีที่วางกล้องให้ เลยได้รูปสวยๆ แบบนี้มา





เอาจริงๆ ถ้าใครไม่รู้จะไปไหน แนะนำให้มานะคะ เราชอบ วิวตรงหน้ามันสะกดสายตาเรามากจริงๆ แต่ออกกำลังกายมาซะหน่อยก็ดี พกยากันยุงมาด้วย ยุงเยอะ แต่เราไม่โดนกัดเลย กลิ่นคนอื่นคนหวานกว่ากลิ่นเราอ่ะนะ ฮ่ะๆๆ


เราลงมาตอนสองทุ่ม ตอนลงก็ไม่ต้องห่วง มีไฟให้เกือบตลอดทาง ปลอดภัยค่ะ หลังจากลงมาแล้วก็หมดแรงค่ะ ลากตัวเองเข้าโรงแรมเท่านั้นแหละ




 

 


Fourth Day

วันนี้ไม่ตื่นสายนะ เพราะมีนัดค่ะ หนึ่งในเหตุผลที่เราตัดสินใจจองตั๋วมาไทเปเลย เราไปเจอ Taipei free walking tour มาในไอจี ก็เลยเสิร์ชหาเว็บดู แล้วก็จองทัวร์เลย วันนี้แหละ ตื่นเต้นๆ

วิธีจองตามมาเว็บนี้เลยค่า #Taipeifreewalkingtour

Likeitformosa เป็นกลุ่มอาสาสมัครเป็นไกด์ให้นักท่องเที่ยวค่ะ องค์กรอิสระนะ ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาทั้งนั้น

เราเลือกเป็น Free walking tour Historic ซึ่งนัดเจอกันที่ MRT Longshan Temple Station ทางออก 1 ตอนสิบโมงเช้า เจอกันทางออกข้างนอกเลยนะ เรามาถึงก่อน เรายืนรอในสถานีค่ะ มีที่ให้ชาร์จแบตด้วย ดีมากเลย ใกล้ถึงสิบโมงก็เดินขึ้นไปตรงทางออก ก็มีไกด์สองคนมายืนรอต้อนรับเราค่ะ


วันนี้ไกด์เราคือ โคโค่ เด็กน้อยซ้ายมือ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม เรียนอยู่ปี 2 เองค่า พูดอังกฤษเก่งมาก สำเนียงเป๊ะมากกกก เล่าเรื่องโน่นนี่นั่นเยอะเลย ส่วนคนขวาชื่อ พอล เป็นคนดูแลอีกที วันนี้มีลูกทัวร์ 4 คน เป็นกันเองมาก สนุกดี ฝึกภาษาไปในตัว ถือว่าเก็บที่ที่อยากไปครบใน 3 ชั่วโมง ใครมาไทเปอยากให้ลองนะ มีหลายโปรแกรมให้เลือก ที่สำคัญคือฟรีจ้า ค่าทิปแล้วแต่เราเลย แนะนำๆ


ทริปเริ่มต้นที่หน้าวัดหลงชาน อยากเล่าถึงสถานที่นี้ มันคือลานกว้างๆที่สถานีวัดหลงซาน จะสังเกตเห็นคนแก่เยอะๆ น้องไกด์บอกว่า เป็นสถานที่ที่รัฐจัดให้คนไร้บ้านมาอาศัยอยู่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เช่นห้องน้ำ ข้างล่างสถานีจะมีร้านค้า หมอดูเยอะมาก ละก็มีทีวีให้นั่งดูหนัง โดยที่รัฐจะจัดหางานให้ด้วยสำหรับคนที่อยากทำงาน ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็คนสูงอายุแหละ สิ่งที่น่าแปลกใจอีกอย่างนึงคือ รัฐสั่งมาให้้เก็บของเพราะต้องการให้รักษาความสะอาด และเค้าเก็บกันจริงๆนะ คือกลางวันคนก็จะมารวมกลุ่มเล่นหมากรุกจีนกัน ส่วนตอนเย็นก็จะมาเช็กอินเอาที่นอนมาปูนอน ตอนเช้าก็เช็กเอาท์ เก็บของทุกอย่างลงถุงดำวางเรียงๆไว้ตามรูปที่สอง เค้าเลยเรียกกันเองว่า เช็กอิน-เช็กเอาท์ โฮเทล เจ๋งป่ะล่ะ



ละเราก็เดินเข้าวัดกันค่ะ


วัดหลงซาน Longshan Temple ประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นวัดที่คนไต้หวันศรัทธามาก ถึงแม้จะถูกทำลายหลายครั้ง แต่เค้าก็สร้างใหม่ให้มันยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิมทุกครั้ง น้องไกด์เล่าให้ฟังหลายอย่าง แต่จำได้แค่ว่า สมัยสงคราม ชาวบ้านก็มาหลบกันที่นี่ แต่ในวันที่เค้าปล่อยระเบิดกัน เหมือนเป็นช่วงไม่มีคนอยู่พอดีมั้ง แล้วระเบิดก็ลงตรงวัดพอดี ทุกอย่างเสียหายหมด ยกเว้นรูปปั้นเทพองค์นึง คือเทพกวนอิมนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ก็ยังคงอยู่ค่ะ 


เมื่อก่อนชาวบ้านก็สร้างวัดหลงซานขึ้นเพื่อสักการะเทพกวนอิมเป็นหลัก แต่หลังๆ มาเริ่มมีเทพหลายองค์มาก ขอพรได้ทุกเรื่องจบที่วัดนี้เลย มีทั้งเทพกวนอู เทพแห่งความซื่อสัตย์และการงาน อยู่ข้างหน้าเลย 





เอาล่ะ แต่ละวัดย่อมมีอะไรแปลกๆล่ะนะ

วัดหลงซานก็เหมือนกัน เดินเข้าประตูกลางใหญ่ๆ มาแล้ว จะมีประตูให้เลือกอีก 3 ประตู หันหน้าเข้าวัด ให้เข้าทางประตูมังกร คือประตูขวามือ อย่าลืมก้าวเท้าขวาก่อนด้วยนะคะ พอจะออกก็ออกประตูซ้ายสุด เป็นประตูเสือ อย่าลืมก้าวเท้าขวาก่อนนะ เค้าบอกมางี้อ่ะ









เดินเข้าไปด้านในทางขวามือ เทพชื่ออะไรจำไม่ได้ แต่ขอเกี่ยวกับเรื่องการเรียนค่ะ จะมีเด็กๆ มาไหว้กันเยอะ เชื่อกันว่าหากจะสอบก็มาขอที่นี่ ต้องเอาใบประจำตัวสอบที่มีชื่อและเลขที่นั่งสอบใบก๊อปปี้มาไหว้ด้วยนะ ท่านจะได้ช่วยถูกคน คือเอ่ออออ.. แล้วมีคนทำจริงๆ นะ

ถัดมาทางซ้าย ตรงกลางเป็นเทพที่ขอเกี่ยวกับลูกค่ะ ใครอยากได้ลูกก็ขอตรงนี้ แต่ตอนนี้เห็นว่าประชากรคนเค้าค่อนข้างเยอะแล้ว และคนรุ่นใหม่ก็ไม่ได้อยากมีลูกหลายคน เลยไม่ค่อยมีใครมาขอ ส่วนใหญ่จะมีแต่คนแก่ๆ มาขอหลาน คือขอให้ลูกตัวเองท้องนั่นแหละ

ถัดมามุมซ้ายสุดเป็นเทพเย่ว์เหล่า หรือ ผู้เฒ่าจันทรา ผู้ผูกด้ายแดงแห่งความรักค่ะ ก็ตามที่รู้ๆกัน ขอเรื่องความรัก คนก็จะเยอะ ของไหว้ก็จะเต็มโต๊ะ น้องไกด์เล่าตำนานอีกเรื่องของผู้เฒ่าจันทราให้ฟังด้วย ว่ามีเด็กน้อยยากจนคนนึง ตอนเด็กๆ ไปเจอผู้เฒ่าคนนึง ผู้เฒ่าบอกว่าตัวเองเป็นเทพให้ความรัก แบบคิวปิดอ่ะ เด็กน้อยไม่เชื่อ ขอให้พิสูจน์ ผู้เฒ่าก็ทำนายว่า เด็กน้อยคนนี้จะได้แต่งงานกับเด็กสาวลูกเศรษฐี เด็กน้อยไม่เชื่อ เค้าจะแต่งงานกับลูกคนรวยได้ยังไง ผู้เฒ่าก็ได้แต่บอกว่า คอยดูละกัน คือเด็กสองคนนี้รู้จักกันอยู่แล้วล่ะ แต่โตมาก็ห่างหายแยกย้ายกันไป สุดท้ายชายหนุ่มก็ได้แต่งงานกับหญิงสาวคนนึง ในวันแต่งงาน ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นแผลเป็นบริเวณหลังของหญิงสาว เลยถามว่าได้มายังไง ซึ่งแผลเป็นนี้เกิดขึ้นในตอนเด็กขณะที่เด็กสองคนเล่นด้วยกันนั่นเอง ชายหนุ่มเลยรู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ก็เด็กสาวลูกเศรษฐีคนนั้นนั่นเอง แล้วเค้าก็นึกถึงผู้เฒ่าขึ้นมา และก็เชื่อแล้วว่า ผู้เฒ่าคนนั้นเป็นเทพแห่งความรัก.. ค่ะ นานมากกว่าจะเชื่อเนอะ

ต่อไป ขอพรจากเทพกวนอิมกันค่ะ ที่นี่เค้ามีมูนบล็อก Moon Block จริงๆ มีทุกวัดเลยนะ เห็นเค้าทำกันทุกที่เลย พึ่งเข้าใจประโยชน์ของ มูนบล็อก นี่แหละ แท่งไม้รูปจันทร์เสี้ยว แทนคำตอบ เยสโนและยังไม่แน่ ของเทพ อธิษฐานขอแล้วปล่อยลงบนพื้น ถ้าคำขอสำคัญมากๆๆ ก็ทำซ้ำสามที นี่ทำครั้งเดียวแล้วได้ เยส พอละ กลัว มาดูกัน ขอให้แม่น

อีกที่นึงที่อยากพูดถึงคือ Bopiliao Historical Block ตึกเก่าๆ ถ่ายรูปสวย แต่วันจันทร์มันปิด เอาจริงๆคงมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของนางอ่ะ ไม่ค่อยได้ฟัง ฟังแต่เรื่องเล่าแปลกๆ เช่น ตรงนี้ด้านหลังเราจะเป็นตรอกเล็กๆระหว่างตึก ทางโค้งเล็กน้อย เค้าบอกว่าต้องสร้างโค้งๆ แคบๆ เพื่อกันผี นึกถึงผีจีนผมยาวชุดขาวมียันต์แปะหน้า มือยื่นไปข้างหน้า กระโดดแหย็งๆๆ เออนั่นแหละ มันเลี้ยวโค้งไม่ได้ ไปข้างหน้าได้อย่างเดียว นี่พึ่งรู้ ก็แอบอยากบอกว่า ที่ไทย ghost can go everywhere นะ แต่ก็นะ จริงๆน่าจะเป็นทางหลบหนีของคนยุคก่อนมากกว่า







เดินเล่นย่าน Ximen มีแวะชิมชาสมุนไพร และไอติมโฮมเมดด้วย






อันนี้เป็น Presidential Office สวยมากกก ฟ้าสวยด้วยแหละ ด้านหน้าวันนี้โล่ง ปกติใช้เป็นสถานที่จัดประท้วงรัฐบาล คนที่นี่ไม่พอใจอะไรก็ประท้วงอ่ะนะ แต่เค้าประท้วงแบบสงบนะ

นี่ก็เป็นกลุ่มคนจีนประท้วงกลุ่มเล็กๆ

ต่อไปเป็น 228 Peace Memorial Park สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองสมัยที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน มีคนเสียชีวิตเยอะมาก

สวนสาธารณะที่นี่สร้างแนวโมเดิร์นนะ มีน้ำพุด้วย

ตรงนี้คือเอาหินมาตั้งๆๆเรียงกัน ให้คนถอดรองเท้าเดินเหยียบ จะรู้สึกเหมือนกดจุดกดเส้นที่เท้า เป็นการผ่อนคลายอย่างนึง ใครเดินได้เกินหนึ่งนาทีถือว่าสุขภาพดี

ต่อไปเป็นอนุสาวรีย์ เจียงไคเช็ก CKS Memorial Hall ยิ่งใหญ่อลังการสมกับเป็นประธานาธิบดีคนแรก

ผ่านๆๆ หลังจากให้ทิปน้องไกด์ของเราแล้วก็ได้เวลาบอกลาค่ะ นิดนึง ทิปนี่เราจะให้เท่าไหร่ก็ได้ใช่มะ นี่เลย เงินไทย เล็กๆน้อยๆ ให้เป็นที่ระลึกไปเลยจ้ะ รูปนี้มาจากไอจีของน้องเค้า ^^

หมดแล้วล่ะ จบทริปเราไปช้อปปิ้งละ หอบหิ้วของตะลอนไปทั่วเมืองเลย ข้ามไปพรุ่งนี้เลยละกัน

Fifth Day

เช้าวันสุดท้ายในไต้หวัน จริงๆวันนี้ก็มีนัดนะ จะพาใครบางคนไปแช่น้ำพุร้อนด้วยกัน แต่ดันโดนเทค่า มาต่างประเทศยังโดนเทเลยค่ะ ฮ่ะๆๆๆ ช่างมัน ไม่มีใครไปด้วยก็ไปเองได้ย่ะ ททซะอย่าง

หลังจากที่เราเดินมาอย่างหนักหน่วงทุกวันๆ แถมยังต้องแบกเป้ที่ใส่ทุกอย่างไว้ในนั้น ทั้งปวดไหล่และปวดขามากๆ เลยตั้งใจมากๆว่าจะไปแช่น้ำพุร้อนเป่ยโถว

เราปักหมุดไว้ที่ Emperor Spa ค่ะ คือไม่ได้ไปเที่ยวมิวเซียมแบบชาวบ้านด้วยนะ เออ ทำไมไม่ไปล่ะ

ที่นี่ก็ใช่ว่าจะไปง่ายนะ นี่ก็มั่วๆไป จริงๆ ไปที่อื่นก็ได้นะ นี่ก็อยากลองของแปลกเกินไป ฮ่ะๆๆ

เริ่มจากที่ Taipei Main Station นั่ง MRT สายสีแดง ไปลงที่ MRT Shipai Station ต่อรถเมล์สาย 508 shuttle ไปยาวๆ ตามแมปเลยค่ะ 


ลงรถบัสปุ๊บ มีป้ายเดียวที่อ่านออกว่า restaurant with spa เดินเลี้ยวขวามาตามป้าย หลังจากนั้นก็ไม่มีภาษาอังกฤษอีกเลยจ้าา ดีนะที่มาพร้อมกับพี่สาวละคุณป้าสองคนข้างหน้า เดินตามเค้าอย่างเดียวเลย มาจากฮ่องกงกัน นางใจดีมาก คุณป้าก็แข็งแรงมากด้วย บอกว่าเมื่อวานพึ่งไปสคูบากันมา โห้ยยย ขอให้พ่อแม่แข็งแรงและใจกล้าแบบนี้บ้าง และมาถึงก็ยังไม่มีที่ไหนเปิดเลย นั่งรอจนกว่าจะบ่ายโมงนะ





จริงๆแล้วเนี่ย ร้านอาหารแหละที่เปิดบ่ายโมง ส่วนเราตั้งใจมาแช่อย่างเดียวเลย ไม่ได้เอาชุดว่ายน้ำมา ไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวมา ตั้งใจมาแช่แบบ naked ไปร้านข้างๆจ้า เปิดตั้งแต่เช้ายันดึกเลย


ค่าแช่ออนเซ็น 250TWD ค่าผ้าเช็ดตัว 200TWD จะร้องไห้ ใครจะมาก็พกผ้ามาด้วยนะ


เข้ามาก็เก็บของในล็อกเกอร์ ที่ต้องหยอดเหรียญแล้วล็อก แต่วันนี้คนไม่เยอะ มีแต่อาม่า เค้าก็ไม่หยอดเหรียญกัน ใส่ของแล้วปิดไว้งั้นแหละ โอเค ทำตามค่ะ 


ก็เหมือนที่ไปจิมจิลบังที่เกาหลีอ่ะนะ ถอดชุดออกให้หมด เดินไปอาบน้ำล้างตัว แล้วก็เลือกอ่างได้เลย ที่อ่างจะมีขันน้ำวางอยู่ ให้ตักน้ำมาล้างเท้าพอเป็นพิธีก่อนลงอ่าง แล้วก็แช่ได้ตามสบาย


เราค่อยๆลงแค่ขาก่อน แล้วก็ลงไปทั้งตัว ทั้งแช่ทั้งนวดสลับกันหลายรอบมาก คือดีมาก หายปวดไปเยอะเลยอ่ะ



ละก็ถึงเวลากลับค่ะ เดินย้อนไปทางเดิม ทีนี้ต้องเดินขึ้นเขาแล้วล่ะ คืออาบน้ำมาเพื่ออะไร ตากแดดแรงมาก ตัวเปียกทั้งตัว เพื่อมาป้ายรถเมล์ จุดนี้รู้สึกเลยว่าตัวเองสตรองขึ้นอีกสามระดับ คิดตลอดเวลาว่ามาทำอะไรตรงนี้ นี่ถ้าพาคนอื่นมาคงโดนด่าเละแน่ ดีนะที่มาคนเดียว






ขึ้นรถละไม่รู้ทำอะไรละอ่ะ เลยตัดสินใจไปตลาดชื่อหลิน Shilin Night Market ประมาณ 4 โมงเย็น เค้าเริ่มตั้งตลาดละ เดินหาของกินไปเรื่อยๆ ที่นี่มันแหล่งช้อปปิ้งเลยนี่นา ของแบรนด์เยอะอยู่ ที่แน่ๆคือรองเท้าผ้าใบผู้หญิง ไม่แบรนด์นะ แต่น่ารักมาก ราคาถูกกว่าที่ไทยมาก นี่ของเยอะอยู่แล้วก็ยอมแบก ได้กลับมาสองคู่เลย


ไปเจอร้านกาแฟในตลาดชื่อหลินมา ชื่อร้าน Kaffa Indigo ร้านเล็กๆ สีขาวทั้งร้าน กาแฟอร่อย เจ้าของร้านน่ารักมากกก แค่นั้นแหละ แนะนำ ฮ่าๆๆๆ



กลับค่ะกลับ ขากลับอยากลองนั่งแท็กซี่ค่ะ เห็นรีวิวว่าดี ไม่โกง และไม่แพง โอเค อาจจะไม่โกง แต่เราว่าแพงค่ะ สำหรับคนเดินทางคนเดียวก็คงแพงอ่ะเนาะ แต่โอเคละ ได้ลองทุกอย่างละ พอใจ อ้อ ไม่ได้ลองจักรยานนะ เค้าขับรถเลนขวากัน เลยไม่กล้าลอง






กลับมาเก็บของอาบน้ำ เตรียมไปสนามบินค่ะ จาก Taipei Main Station ก็เดินไปขึ้น Airport Line ได้เลย ได้ขึ้นแบบ Express พอดี ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็ถึง เลือกที่นั่งแล้วหลับยาวๆไปค่ะ


ไปถึงสนามบิน เช็กอินเรียบร้อย ช้อปปิ้งอีกหน่อยก็เดินเข้าเกตไป ล้างหน้าแปรงฟันเตรียมนอนบนเครื่อง แล้วก็ไปแย่งชิงรูชาร์จแบตรอขึ้นเครื่อง




จบแล้วววว ทริปไต้หวันครั้งแรกคนเดียวของเรา เหนื่อยมากนะ ต่อไปนี้คือข้อความที่ลงไอจีไปแล้ว


>>>ททเป็นคนที่เที่ยวแบบไม่ค่อยวางแผนเท่าไหร่ ไต้หวันนี่เรียกว่าไม่วางแผนเลยดีกว่า เพราะตัดสินใจซื้อตั๋วไปก่อน แค่ขาไปอย่างเดียว ละค่อยตื่นมานั่งอ่านรีวิวว่ามันมีอะไรให้เที่ยวบ้าง มีคนทำรีวิวเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็ของกินอ่ะนะ เปิดผ่านค่ะ ไม่ใช่สายกินเนาะ นั่งดูสถานที่แปลกๆ ที่ที่ไม่ใช่แค่ไปถ่ายรูปแล้วก็กลับ เริ่มไม่อินกับวัดจีนแล้วล่ะ ฟาร์มแกะฟาร์มดอกไม้นั่งกระเช้าล่องเรือก็ขอผ่าน เห็นที่เที่ยวแถวๆไทเปเยอะนะ รถไฟฟ้ารอบเมือง คิดว่าต้องไปไหนได้เยอะแน่ๆ กลัวว่าถ้าเที่ยวในเมืองก่อนแล้วจะล้า ไม่อยากออกนอกเมือง เลยตัดสินใจไปไถจงก่อนเลย ไถจงค่อนข้างเจริญมากๆ มีหลายอย่างที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับเรา


มีคนบอกว่าไต้หวันนี่น้องญี่ปุ่นเลย เหมือนแทบทุกอย่าง ก็ขอรีวิวอย่างคนที่ไม่เคยไปญี่ปุ่นนะ *อย่างแรกที่ประทับใจคือ ระบบการคมนาคมขนส่งสาธารณะของไต้หวัน ถือว่าดีมาก รถไฟความเร็วสูงและรถไฟธรรมดาที่ครอบคลุมทั่วทั้งเกาะ รถไฟใต้ดินในไทเปที่มีหลายสาย รถเมล์ รถแท็กซี่ รถจักรยาน คือดีมากจริงๆ ลองทุกอย่างละยกเว้นเช่าจักรยาน ไม่กล้าขี่เลนขวา


**ในไถจงนี่สับสนกับรถไฟธรรมดาของนางมาก บางคันจอดทุกสถานี บางคันจอดบางสถานี ป้ายบอกจะบอกสถานีไกลๆหน่อย นี่ก็ไม่รู้ว่าคันนี้จะจอดที่ที่เราจะลงรึเปล่า ลงผิดสถานีบ่อยมาก ถามคนแถวนั้นก็แทบพูดอังกฤษไม่ได้ บางคนไม่สนใจ บางคนพูดจีนกลับมา บางคนลุกไปดูป้ายให้แล้วหันมาส่ายหัว คือไม่บอกว่า ไม่รู้หรือมันไม่จอด เอาสิ จะเดินลงไปถามนายสถานีหรอ คือพึ่งกูเกิลแมปอย่างเดียว กูเกิลแมปคือดีมาก และทุกอย่างคือมีเวลาบอกและตรงเวลาเป๊ะๆ อย่างรถไฟจะมาถึงก่อนเกือบๆ สิบนาที ละจอดรอจนกว่าจะถึงเวลาออก ที่ไถจงมีรถเมล์ฟรีด้วยนะ มีเลนสำหรับรถเมล์ และรถยนต์อื่นๆก็ไม่วิ่งเข้ามาด้วย คือดีมาก ตรงเวลาเป๊ะๆ กูเกิลแมปก็บอกเวลาเป๊ะๆเช่นกัน เป๊ะยันบอกได้ว่าจะต้องใช้เวลาเดินกี่นาทีด้วยนะ กะเวลาถึงที่หมายได้เลย


***มีคนรีวิวบอกว่าแท็กซี่เค้าดีค่ะ ราคาถูกและไม่โกง ลองค่ะ ก็ดีนะ ไม่น่าโกงนะ แต่สำหรับเราไม่ถูกนะคะ เริ่มต้นมาก็ 70nt ละ ขึ้นทีละ 5nt พุ่งรัวๆเลยค่ะ 5กม.กว่าๆ จ่ายไป 200nt ไม่รู้สิ คิดว่าราคาน่าจะเป็นมิตรกว่านี้ 


*อย่างที่สองที่ประทับใจคือ คนเค้ามีระเบียบค่ะ ขอเล่าเท้าความ ที่นี่เป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกับญี่ปุ่นค่ะ อารมณ์แบบว่า แม่แท้ๆคือจีน ทิ้งลูกไว้ให้ป้าญี่ปุ่นเลี้ยง ป้าให้ทุกอย่างเลี้ยงดีมาก พอเติบโตแม่จีนก็กลับมาทวงลูกคืน บอกว่าจะดูแลอย่างดี หางานให้ทำ ลูกก็ดีใจยินดีที่จะอยู่กับแม่ แต่แม่กลับดูแลไม่ดีอย่างที่พูด ลูกก็เลยประท้วงอยากเป็นอิสระ แต่แม่ก็ไม่ยอมปล่อยเท่าไหร่ ประมาณนี้แหละ ประวัตินางอ่ะ ฮ่ะๆ ประเด็นคือ คนเค้ามีระเบียบแบบญี่ปุ่นเลย ข้ามถนน ขับรถ แม้แต่การขึ้นรถเมล์ก็จะสแกนบัตรหรือจ่ายเงินทุกครั้ง ทั้งๆที่ไม่มีคนเก็บเงิน การเข้าแถวขึ้นลิฟท์ จ่ายเงิน ขึ้นบันไดเลื่อน คือประทับใจมาก


*สามคือ ประเทศเค้าสะอาดค่ะ ทุกร้านจะไม่ให้ถุงใส่ของค่ะ นอกจากซื้อเยอะเค้าอาจจะแถม หรือเราขอเองต้องจ่ายเงินเพิ่ม และตามริมทางนี่หาถังขยะยากมากนะ จะทิ้งขยะทีนี่หาไกลเลย และไม่มีขยะตามข้างทางเลย นอกจากชานเมืองก็มีนิดหน่อย และตามพื้นจะไม่มีน้ำลายเลย เหยียบได้อย่างสบายใจ


*สิ่งที่อยากจะบอกคือ ไต้หวันเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่วางแผนเที่ยวไม่ได้นะ เพราะแต่ละที่ที่คนเค้ารีวิวกันนั้นอยู่ไกลกันมาก แบบคนละจังหวัดอ่ะ ต้องมีตารางเวลารถที่แน่นอน อย่างเราตื่นสายแต่อยากไปอาลีซาน ก็นั่งรถไฟไปเลย คือรู้ว่าไปยังไง ระหว่างก็นั่งอ่านรีวิวไปด้วย ปรากฎว่ากว่ารถไฟจะไปถึง ต้องไปต่อรถบัสอีก ไปถึงอุทยานก็ใกล้เวลาปิดพอดี จำนวนรถก็มีรอบน้อยด้วย คือต้องวางแผนดีๆจริงๆอ่ะ นี่ลงกลางทางละนั่งรถไฟกลับเลย เที่ยวในเมืองแทน


อีกอย่างที่ท้าทายเรามากในสามวันที่อยู่ไทเปคือ เรานั่งรถไฟฟ้าเลยสถานีหลายรอบมาก เสียงประกาศเบาเกินไป จอด้านบนก็ดูงงๆ และอีกอย่างคือภายในสถานี Taipei main station ทางออกเยอะมาก และเราไม่เคยออกทางเดิมหรือทางที่เราตั้งใจจะออกเลยซักครั้ง คือเดินตามป้ายแล้วนะ เดินไปซักพักป้ายจะหายไป เหลือเป็นชื่อถนนแทน ก็เดินไปเรื่อยๆก็ออกคนละประตูอยู่ดี


สำหรับรีวิวสถานที่นั้น เราคงอธิบายวิธีการเดินทางได้ไม่ดีเท่าคนอื่น แต่เอาไว้จะลงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไว้ตามรูปทีหลังนะ


เรื่องผู้ชายก็ อย่างที่รู้ๆกัน ไม่รีวิวละกัน แต่คนที่นี่น่ารัก ยินดีจะช่วยเหลือ และถ้าเราทำผิดเค้าก็ไม่ลังเลที่จะบอกเสียงดังๆให้ทุกคนได้ยิน ฮ่ะๆ


ดีใจที่ตัดสินใจมา ดีใจที่ได้มา เดินเกินวันละหมื่นก้าว ปวดขามากๆ ทริปนี้เป็นทริปที่เหนื่อยและดูดพลังมาก และประทับใจตัวเองมากเช่นกัน

ใครมีไรสงสัยถามได้นะคะ ^^ ทท.เอง

ขอบคุณที่อ่านจนจบน๊า ต่อไปเป็นทริปสั้นๆ ในสิงคโปร์ค่า

Story and Photos by ทับทิม theTabbiesWorld


Follow me :

IG : thetabbiesworld

FB : thetabbiesworld

Youtube : thetabbiesworld

Share what you've read:
Posted in Travel and tagged , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *