ททอินไต้หวัน : ไถจง Taichung

คุณเชื่อในเรื่องความคิดมีแรงดึงดูดมั้ย..



เราเชื่อในระดับนึงนะ





สังเกตจากช่วงไหนที่เราสนใจเรื่องอะไร เรื่องราวเหล่านั้นมักโผล่ขึ้นมาเต็มหน้าฟีดเฟซบุ้คเลย

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ไม่รู้ทำไมกระทู้รัวิวไต้หวันโผล่มาให้เห็นวันละห้าเวลา รีวิวเที่ยว รีวิวของกิน รีวิวของช้อปปิ้ง เราไม่อ่านนะ แค่เปิดเข้าไปดูรูปละก็คิดว่าเค้าถ่ายรูปสวยดีเนอะ

และแล้วคืนนึงก็ดันไปกดจองตั๋วเครื่องบินไปไต้หวันตอนตีหนึ่งกว่าๆ จองแค่ขาไปด้วยนะ กะว่าไปถึงค่อยวางแผนว่าจะไปไหนต่อ ช่วงนี้ว่างพอดี เลยจะรอดูก่อนว่าอยากกลับวันไหนค่อยกลับ พร้อมไลน์บอกเพื่อนว่า “แกๆ เราไปไต้หวันพรุ่งนี้นะ” แล้วก็นอน

ตื่นเช้าสติก็มา คิดได้ว่าถ้าเราไม่จองตั๋วขากลับ ไม่จองที่พัก เค้าจะให้เราเข้าประเทศมั้ยนะ ว่าแล้วก็เลยต้องมาเปิดอ่านรีวิว หาสถานที่ที่อยากไป แล้วก็จองที่พักสองคืนแรก และตั๋วขากลับ

คืนนั้นเพื่อนไปส่งที่สนามบินตอนสามทุ่มครึ่ง เพื่อนผู้เคยไปไต้หวันมาแล้วนั้นมาพร้อมกระเป๋าเป้ใบเล็ก บัตร EasyCard และซิมการ์ดพร้อมใช้งาน น่ารักมากกกก

คืนแรกเรานอนบนเครื่องบินค่ะ เหมือนไม่ได้นอนเลย ประมาณตีสี่ถึงละ




ทริปไต้หวันครั้งแรกของเรา เที่ยวเมืองไถจงสองคืน ต่อด้วยไทเปอีกสองคืนค่ะ




• First Day •

สนามบินนานาชาติเค้าอยูู่ที่เมืองเถาหยวน เราจะไปไถจงกันก่อน ออกมาก็เดินตามป้าย ‘Bus to city’ หรือ ‘Bus to High Speed Rail’ ได้เลย มาถึงก็ซื้อตั๋วรถบัสไป HSR Taoyuan 30TWD ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เราอ่านรีวิวมาดี แต่รอรถบัสนานมาก ฮ่ะๆๆ ไปถึงสถานีรถไฟความเร็วสูงก็ซื้อตั๋วไปลงไถจงต่อค่ะ ซื้อแบบจองที่นั่งไปเลยนะคะ สะดวกสบาย 540TWD 

>>>ขอเกริ่นถึงระบบรถไฟฟ้าในไต้หวันนิดนึงนะ ระบบรถไฟฟ้ารวมๆจะเรียกว่า MRT แบ่งเป็น HSR รถไฟความเร็วสูงวิ่งเกือบรอบๆเกาะ, TRA รถไฟธรรมดาวิ่งเกือบรอบๆเกาะ, และ Taipei Metro รถไฟใต้ดินในไทเป ซึ่ง HSR กับ TRA ทานอาหารบนรถไฟได้

บนรถไฟแบบไฮสปีดของนาง ชอบมากเลย นั่งสบาย มีโต๊ะด้วย ทุกคนจะมีกิจกรรมของตัวเอง นั่งเล่นมือถือ หลับ อ่านหนังสือพิมพ์ คุยกัน หรือแม้แต่กินข้าวก็ได้ แถมสะอาดไม่มีขยะด้วยนะ ส่วนเราก็นั่งแต่งหน้าบนรถไฟ อิอิ มีห้องน้ำ  มีคนเข็นรถเข็นขายของด้วยนะ คือดีงามมากกกก

เรานั่งแต่งหน้า ส่วนคนข้างๆ วิดีโอคอลกับแฟน



หลังจากซื้อตั๋วแล้วก็เข้าเซเว่นหาของกินรอเลยค่ะ หรือจะเอามากินบนรถไฟก็ได้ ละก็ก้มดูตั๋วว่ารถไฟจะถึงกี่โมง ก็ตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาซัก 10 นาที ละก็หลับโลดดด รถไฟถึงตรงเวลามากค่ะ ไม่ต้องกลัวเลยสถานี อาจจะถึงก่อน 5-7 นาที และจะจอดรอเพื่อออกต่อไปตรงเวลาค่ะ



>>> ที่นี่ไม่มีถุงพลาสติกให้นะคะ นี่โกยขนมใส่กระเป๋าแทบไม่ทัน อยากได้ถุงขอซื้อเอาค่ะ ถ้าเป็นอาหารอุ่นร้อนก็จะมาแบบนี้ เสียบช้อนมาพร้อม ไม่หล่นด้วยนะ

เรามาถึงสถานี HSR Taichung ตรงนี้จะเชื่อมกับ TRA Xinwuri (ซินอูหริ) ก็เปลี่ยนมาตรงนี้ค่ะ เดินดูของสวยๆงามๆมาตามป้ายเรื่อยๆ เพื่อจะไป TRA Taichung ชื่อเหมือนกันแต่อยู่คนละที่ค่ะ ตอนถามทางก็บอกให้ถูกประเภทนะคะ หลงมาแล้ว ฮ่ะๆ ตรงนี้ใช้บัตร Easy Card ได้เลย

เราพักที่โรงแรมที่สถานี TRA Taichung ค่ะ ชื่อ Change Hotel แต่พักแบบห้องรวมนะ เตียงสองชั้น ได้อยู่ชั้นบนแหละ พักโฮสเทลมาก็เยอะ แต่ที่นี่เซอร์ไพรส์ด้วยการให้หยิบผ้าปูที่นอนปลอกหมอนผ้าห่มจากในล็อกเกอร์มาใส่เอง นี่ก็ต้องปีนขึ้นเตียงปูผ้าปูอย่างทุลักทุเล ตลกดี แต่โดยรวมดีค่ะ สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ห้องน้ำห้องอาบน้ำดีมาก แต่ไม่มีผ้าเช็ดตัวนะ ห้องค่อนข้างเงียบ หรือรูมเมทดีด้วยแหละ



รร. เค้าให้เช็กอินบ่ายสองค่ะ เพราะฉะนั้นเราต้องลากตัวเองในสภาพที่ไม่ได้นอนเที่ยวต่อค่ะ เราเลือกที่จะไป Sun Moon Lake หรือทะเลสาปสุริยันจันทรา ใครหรอช่างตั้งชื่อภาษาไทย ไปค่ะ นั่ง TRA Taichung ไปลง HSR Taichung แล้วก็เดินลงไปข้างล่าง ทางออก 5 ตามป้าย ‘Bus Station’ เพื่อไปขึ้นรถบัสค่ะ ตรงนี้เราสามารถซื้อแพคเกจเที่ยว Sun Moon Lake ได้เลยนะคะ ถ้าใครคิดจะเก็บกิจกรรมให้ครบทั้ง รถบัสไปกลับไถจง-Sun Moon Lake, ล่องเรือในทะเลสาป Sun Moon Lake, ปั่นจักรยาน, นั่งกระเช้าลอยฟ้า, รถบัสทัวร์รอบทะเลสาป และอะไรอีกไม่รู้จำไม่ได้ ก็ซื้อเลยค่ะ คุ้มกว่า ประมาณ 800+ TWD ส่วนเราคิดว่าคงเก็บไม่หมด เวลาไม่พอ และเราไม่อินกับการล่องเรือและกระเช้าลอยฟ้า เลยเลือกแค่ รถบัสไปกลับ ประมาณ 400+TWD ไปถึงโน่นก็ซื้อตั๋วรถบัสทัวร์รอบทะเลสาป 80 TWD ค่ะ



รถบัสจะมาส่งเราที่ Sun Moon Lake Service station แล้วเราก็ซื้อตั๋วรถบัสทัวร์ทะเลสาปตรงนี้ค่ะ จะได้ตารางเวลาเดินรถแบบนี้มา







จากนั้นก็โดดขึ้นรถเลยค่ะ ที่แรกที่ไปคือ วัดกวนอู สวยงามอลังการตามสไตล์วัดจีนค่ะ เทพกวนอูถือเป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์ โชคลาภ บารมี ขอพรได้เลยค่ะ เข้าไปด้านในก็มีน้ำพุแห่งโชคลาภ มั้ง เห็นเค้าโยนเหรียญขอพรกัน มองขึ้นไปด้านบนจะเห็นเหมือนกำแพงสีเงินยิ่งใหญ่ตระกาลตา ประกอบกับท้องฟ้าสวยๆ อากาศดีๆ นึกว่าอยู่บนสวรรค์เลย






หลังจากหามุมถ่ายรูปเสร็จก็ลงมานั่งรอรถบัสที่ป้าย และไปลงที่อาคารสำหรับขึ้นกระเช้าค่ะ ใครจะขึ้นกระเช้าก็ต่อคิวตรงนี้เลย ขึ้นกระเช้าไปด้านบนจะมีหมู่บ้านวัฒนธรรมของเผ่าอะบอริจิ้น ต้องจ่ายค่าเข้าอีกทีค่ะ ส่วนเราที่ไม่ไปนั้นก็เดินลงมาตรงท่าเรือด้านล่าง วิวทะเลสาปสวยมากกกก สะกดสายตาไปเลยค่ะ บริเวณนี้จะมีเลนจักรยานด้วยนะ เห็นว่าที่นี่เป็นหนึ่งในเส้นทางปั่นจักรยานที่สวยมากที่นักปั่นไม่ควรพลาดด้วยล่ะ ถ้าปั่นหน้าหนาวน่าจะได้ฟีลสดชื่นดี

ถ่ายรูปเสร็จ ออกมานั่งรอรถบัสแปปนึง จากแดดเปรี้ยงๆ ฝนก็ตกลงมาเฉยเลย นี่ก็เห็นว่าแดดออกเลยไม่พกร่มมา คนแถวนี้ปกติก็ไม่เห็นถือร่มนะ แต่พอฝนตกเท่านั้นแหละ ทุกคนควักร่มออกมากางแบบพร้อมเพรียง อื้อออ โอเค ต้องพกค่ะ เรามาเกาะเนอะ ฝนตกได้ทุกวันอยู่ละ

พอฝนตกเราก็ล้มเลิกแผนการค่ะ จริงๆมันก็เกือบ 5 โมงละแหละ นั่งรถกลับโรงแรมยาวๆไปค่ะ

แวะหาของกินใกล้ๆ โรงแรมก่อนค่ะ ไม่รีวิวของกินแบบละเอียดเนอะ เอาแค่น้ำเปล่าขวด 1.5 ลิตร 35 TWD อ่ะ ราคาพอๆกับเบียร์เลยล่ะ จากนั้นก็เข้าที่พักละหลับยาวยันสายๆเลย

• Second Day •

เราตื่นสิบโมงค่ะ หลับตายไปเลย รูมเมทอีก 3 คนทำอะไรเราไม่รู้เรื่องเลย ฮ่ะๆๆๆ

วันนี้ตั้งใจจะไปอุทยานแห่งชาติอาลีชาน (Alishan) ค่ะ แต่ๆๆๆ ด้วยความเป็นคนไม่วางแผนให้รัดกุม มันก็วุ่นวายมากค่ะ เรานั่งรถไฟผิดสาย ด้วยความที่รถไฟ TRA ของนางบางขบวนไม่จอดทุกสถานี เราก็นั่งยาวๆเลยสถานีที่เราจะลงไปค่ะ ด้วยความที่เค้าบอกให้เรามานั่งรอชานชาลานี้ แต่ไม่บอกว่ารถขบวนไหน มากี่โมง รถที่มาถึงก่อนเราก็โดดขึ้นไปเลย เป็นไงล่ะ ฮ่าๆๆ ไม่เครียดๆ เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้เสมอในทุกการเดินทาง ต่อด้วยเราขึ้นรถไฟไปอาลีชานละ เปิดอ่านรีวิว เค้าบอกว่าไปถึงต้องต่อรถบัสที่มีแค่ไม่กี่รอบ กว่าจะไปถึงอาลีชานจริงๆก็ใกล้ถึงเวลาปิดละ ละต้องนั่งรถไฟกลับมาโรงแรมอีก ไม่ใช่ มันไม่ใช่ โดดลงรถไฟสถานีต่อไปละนั่งกลับเข้าไถจงเลยค่ะ หาจุดหมายปลายทางต่อไป

ของกินหน้าโรงแรม แป้งไม่อร่อยค่ะ

และเราก็ปักหมุดแผนที่ไปที่ Rainbow Village ค่ะ กว่าจะไปถึงได้นี่ลงรถไฟ เปลี่ยนสถานี เดินหาป้ายรถเมล์ ต่อรถเมล์ แล้วก็เดินเข้าไปต่ออีกนิดนึง เอาเป็นว่า วิธีการเดินทางนั้น เปิดกูเกิลแมป เสิร์ชหา Rainbow Village แล้วก็ลองพิจารณาดูว่าทางไหนสะดวกกว่านะคะ อาจจะนั่งแท็กซี่ก็ได้ค่ะ ส่วนเราชอบนั่งรถเมล์ มันก็จะยากตรงที่เดินหาป้ายแล้วก็นั่งรอแล้วก็ลงรถให้ตรงป้าย แค่นั้นแหละ

ลงปากซอยแล้วเดินเข้าไปค่ะ

Rainbow Village
Location : https://goo.gl/maps/tPHmHQvsf372


ไปถึงก็มีนักท่องเที่ยวเดินตามเรามาสามคน สะกิดถามเราว่าพูดอังกฤษได้มั้ย และถามเราว่าที่นี่ใช่ Rainbow village มั้ย ก็ตอบว่า ใช่ เค้าก็ยังทำหน้างงๆ แล้วถามต่อว่า แน่ใจหรอ วิลเลจจจนะ

ก็เลยอธิบายนางไปว่า ‘It’s called ‘village’ but it’s not a village’

นางก็ถึงบางอ้อ ละเดินเข้าไปถ่ายรูป 5555

มันก็มีแค่นั้นแหละ อุตส่าห์ดั้นด้นมา บ้านเก่าๆหลังนึง ที่ศิลปินมาละเลงสีคัลเลอร์ฟูลทั้งหลัง จนไม่รู้จะแต่งรูปยังไงเลย สมกับเป็นที่เที่ยวถ่ายรูป มีทัวร์มาลง และห้องน้ำก็สกปรกตามระเบียบพี่จีน


สถานที่ต่อไปของเราคือ The Luce Memorial Chapel ค่ะ คนละทิศกันเลย ลำบากอีกละ เปลี่ยนสายรถเมล์สองต่อ แต่ทำไงได้ล่ะ ไม่รู้จะไปไหนนี่นา ฮ่ะๆๆ ปักหมุดแล้วเดินหาป้ายรถเมล์ค่ะ

***รถเมล์ที่นี่ดีมากนะ ตรงป้ายจะมีเวลาบอกชัดเจนว่าสายนี้จะมาถึงกี่โมงกี่นาที แล้วมาตรงเวลาเป๊ะค่ะ

พอนั่งรถเมล์เข้ามาในเมืองหน่อยๆ เปลี่ยนสายไปนั่งรถเมล์ฟรีค่ะ ดีงามไปอีก ที่ไถจงมีรถเมล์ฟรี มีเลนรถเมล์ด้วยนะ เป็นเลนของรถเมล์จริงๆ เพราะรถยนต์อื่นๆไม่วิ่งเข้ามาเลย เค้าถึงวิ่งได้ตรงเวลาเป๊ะๆ ไง ดีงามจริงๆ

The Luce Memorial Chapel
Location : https://goo.gl/maps/NMNQde6jZaC2


อยู่ในมหาวิทยาลัยตงไห่เลยค่ะ ลงรถเมล์หน้ามหาลัยแล้วเดินตามชาวบ้านเข้าไปเรื่อยๆเลยค่ะ มหาลัยเค้าต้นไม้เยอะร่มรื่นดีนะ และแล้วเราก็หาโบสถ์เจอค่ะ หน้าตาเป็นแบบนี้



หนึ่งใน Tourist Attraction ของไถจงค่ะ มันมีอะไรน่ะหรอ มันไม่มีอะไรค่ะ มันคือโบสถ์คริสต์ที่รูปร่างแปลกตาเท่านั้นแหละ คนที่มาก็มาชื่นชมสถาปัตยกรรม มั้ง ถึงขั้นมีทัวร์มาลงถ่ายรูปเลยนะ คนท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็มาถ่ายรูปแล้วก็นั่งคุยกัน เพราะมันร่มรื่นดีค่ะ



ลำดับต่อไปคือการนั่งรถเมล์ฟรีเล่นค่ะ นั่งกลับโรงแรมแหละ แวะตลาด Taichung City Second Market หาของกินก่อนเข้าที่พัก ที่ตลาดนี่จะเป็นอาหารแบบโลคอลจริงๆ เดินเลือกชิมได้ตามใจชอบเลย เราก็จิ้มมั่วๆไป เน้นกินอะไรที่ไม่ค่อยมัน เริ่มอิ่มละไปปิดท้ายด้วยร้านข้าวแกง สั่งมาชิมนิดหน่อย



มีปัญหากับการใช้ตะเกียบค่ะ ยิ่งคีบข้าวนี่ยิ่งปัญหาใหญ่เลย นี่ก็พยายามคีบเข้าปากไป จะซดน้ำทำไงดีล่ะ มาแค่ตะเกียบ ไม่มีช้อนเลย หันไปมองโต๊ะข้างๆซ้ายขวา ทุกคนทำท่าเดียวกัน คือยกชามข้าวขึ้นมาแล้วใช้ตะเกียบคีบเข้าปาก น้ำซุปก็ยกซดเลย เอ่อะ โอเค ลองๆๆ ยกชามข้าวมาใกล้ๆปาก แล้วก็คีบ คือคนมันคีบไม่ได้เนอะ มันก็ไม่ต่างกันป่ะ สุดท้ายถึงได้รู้ว่า เค้าเขี่ยข้าวเข้าปากกันสินะ






กินเสร็จแล้วแวะช้อปปิ้งแล้วเข้านอนค่ะ..



พักไว้ก่อนนะ เดี๋ยวมาต่อทริปไทเปค่ะ อ่านกันทุกบรรทัดมั้ย ถ้าอ่านจะดีใจมากเลย ขอบคุณที่ตั้งใจอ่านจนจบนะคะ ^^




Story and Photos by ทับทิม theTabbiesWorld


Follow me :

Youtube : thetabbiesworld

Share what you've read:
Posted in Travel and tagged , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *