ว่าด้วยเรื่องการศึกษาที่โปแลนด์ [Volunteer Life]

บล็อกนี้ ขอบันทึกเกี่ยวกับความกลัวของตัวเอง

กลัวว่าความรู้สึกนี้มันจะหายไป

เลยขอบันทึกเอาไว้ก่อน

จริงๆ แล้ว สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ คือสิ่งที่เราไปเจอ ไปสัมผัส

ได้เรียนรู้ ผ่านการคิดพิจารณาในมุมมองของเรา เราว่ามันแตกต่าง และมันดี

มีรูปอยู่ข้างล่างนะคะ ใครไม่อยากอ่านก็พุ่งไปดูรูปได้เลยค่า

 

เริ่มจากการที่เราไปเป็นอาสาสมัครที่โปแลนด์ จากหลายๆ บล็อกที่เราเขียน

ใครยังไม่ได้อ่านติดตามได้ที่ลิ้งค์นี้เลยค่ะ

 

ค่ายภาษาอังกฤษต่างแดน [Volunteer Life]

เมื่อการเป็นอาสาสมัครมันไม่ง่ายอย่างที่คิด [Volunteer Life]

รีวิว การใช้ชีวิตกับคนต่างชาติ [Volunteer Life]

 

 

ค่ายที่เราไปทำนั้น หลักๆเลย คือการทำกิจกรรมกับเด็กโปแลนด์ค่ะ เป็นการจัดกิจกรรมให้เด็กได้เรียนรู้ กล้าคิด กล้าแสดงออก กล้าพูดภาษาอังกฤษ

ที่สำคัญคือ ให้เด็กเห็นความสำคัญของการเรียนภาษาอังกฤษ คือเราไม่ได้ไปสอนแกรมม่า เอาจริงแกรมม่าเราง่อยมาก

เราแค่ไปจัดกิจกรรมโดยใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเท่านั้น ก็จะมีพวก workshop ต่างๆ เล่นเกม และเผยแพร่วัฒนธรรมไทย

 

ซึ่งข้อดีของโครงการนี้หนึ่งอย่างคือ เค้าส่งพวกเราเป็นตัวแทนไปโปรโมทโครงการตามโรงเรียนต่างๆค่ะ

เอาจริงๆคือ ทางโรงเรียนเค้ารีเควสให้อาสาไปเซย์ไฮกับนักเรียน เพื่อให้นักเรียนรู้จักและสนใจค่ายนั่นแหละ

 

และเราก็ได้ไป 2 ครั้งค่ะ 2 โรงเรียน

สิ่งที่เราได้เห็นคือ ชีวิตประจำวันจริงๆ ของเค้า และระบบการเรียนการสอนจริงๆ ในโรงเรียนเค้าค่ะ อาจจะแค่ผิวเผิน แต่ความแตกต่างกับไทยชัดเจนมาก

 

  • อย่างแรกเลย โรงเรียนที่เราไป เป็นโรงเรียนรัฐบาล ระดับประถมศึกษา
    ชั้นเรียนนึง มีเด็กไม่เกิน 30 คน
  • ไม่มีการรวมตัวตอนเช้า เข้าแถวเคารพธงชาติ
  • เด็กตรงเวลามาก ได้ยินเสียงออด จะมายืนรอหน้าห้องเรียน
    จะยังไม่เข้าห้องต่อให้ประตูห้องเปิดอยู่
    ต้องรอให้ครูมาถึงแล้วเดินเข้าห้องเรียนพร้อมครู
  • เรียน 1 คาบใช้เวลา 50 นาที พัก 10 นาทีทุกคาบ
  • เวลาพัก 10 นาทีนั้น เด็กจะวิ่งกรูกันไปที่สนามเด็กเล่นหรือสนามฟุตบอล
  • สนามเด็กเล่นเค้าดูมีมาตรฐานมาก มีแผ่นยางรองด้านล่างกันตกลงมาหัวฟาด
    มีเครื่องเล่นให้เด็กปีนป่าย เอาจริงๆ สำหรับเราเราว่าสูงมากนะ แต่ดูเด็กก็สนุกกับการปีนป่ายสูงๆ
  • ออดดังหมดเวลาพัก เด็กทุกคนจะวิ่งเข้าอาคารไปยืนรอหน้าห้องเรียน
  • เนื่องจากเด็กไม่เยอะ ทำให้เราสามารถจี้ให้เด็กพูดทีละคนได้ และเด็กดูตั้งใจเรียนนะ
  • ออดดังหมดเวลาเรียน เด็กสามารถหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องได้เลย
  • โรงเรียนเลิกไม่เกินบ่ายสามค่ะ
  • เด็กเรียนโรงเรียนใกล้บ้านได้ เพราะมาตรฐานการเรียนเหมือนกัน
    ทำให้เด็กสามารถเดินไปกลับบ้าน-โรงเรียนได้โดยไม่รบกวนผู้ปกครอง
  • ไม่มีพักเที่ยงนะ ช่วง 11 โมงถึงเที่ยง จะมีพัก 15 นาที 2 ช่วง ให้เด็กใช้เวลานี้ไปกินข้าวที่โรงอาหาร ซึ่งสำหรับเราอาหารไม่อร่อย ><” เราว่าเด็กน่าจะคิดแบบเราหลายคน ฮ่ะๆๆ
    มันเลยทำให้โรงเรียนสามารถเลิกไม่เกินบ่ายสามได้ไง
  • เมืองที่เราไปเมืองที่สอง ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว แต่ก็ไม่เล็กมาก ที่พักส่วนใหญ่เป็นอพาร์ทเมนต์ แต่เราสังเกตได้ว่า มีสนามเด็กเล่นเยอะกว่าโบสถ์ซะอีก เวลาเย็นๆ ผู้ปกครองจะพาลูกตัวเล็กๆ มาเล่นที่สนามเด็กเล่น ในขณะที่ลูกได้เล่นกับเพื่อนๆ ผู้ปกครองก็ได้คุยกับเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน มันเป็นการส่งเสริมพัฒนาการให้เด็กอย่างดีเลย เพราะเด็กวัยนี้ ต้องเล่น ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย หยิบจับ ไม่ใช่ให้เล่นเกมในมือถือแท็บเล็ต
  • ที่โรงเรียนนึงมีชุมนุมให้เด็กเลือกเรียน หลังเลิกเรียน มีเด็กนักเรียนจากชุมนุมการแสดง (ถ้าจำไม่ผิดนะ) ประมาณสิบกว่าคน พาเราไปเดินเล่นละแวกใกล้ๆ โรงเรียน แนะนำสถานที่สำคัญๆ จริงๆ มีเด็กที่พูดอังกฤษได้คล่องแค่คนเดียว ที่เหลือคืองูๆ ปลาๆ แบบเด็กไทยนี่แหละ แต่เค้าก็พยายามเข้ามาชวนเราคุย พยายามอธิบาย แนะนำ และเล่นด้วย น่ารักดี
  • ครั้งนึงไปช่วงหน้าหนาว ที่โรงเรียนจะมีล็อกเกอร์เก็บของให้ทุกคน คือเด็กจะแต่งตัวแฟชั่นฤดูหนาวมาเต็มยศ เสื้อขนเป็ด หมวก ผ้าพันคอ รองเท้าบู๊ต พอมาถึงโรงเรียน เด็กก็จะถอดเก็บไว้ ก็จะใส่แค่เสื้อผ้าธรรมดาแบบที่เราใส่กัน รองเท้าก็เปลี่ยนเป็นผ้าใบธรรมดาด้วย นี่ก็นึกมาถึงบ้านเราที่หนาวทีก็ใส่เสื้อกันหนาวไป เพราะตอนเช้าหนาว บ่ายมาร้อนมาก กระเตงเสื้อกันหนาวไปค่ะ เดินเรียนด้วย ไม่มีที่เก็บด้วย ไหนจะกระเป๋าที่เต็มไปด้วยหนังสือเล่มโตๆ อีก

นีกออกแค่นี้แฮะ..

 

เอาเป็นว่าประทับใจ เราอาจไม่รู้ลึกหรอกนะว่าเนื้อหาในห้องเรียนเค้าสอนอะไร ยังไงบ้าง

แต่เราสัมผัสได้ถึงความสุขของเด็กๆ ยิ่งได้รู้ว่ามาตรฐานของแต่ละโรงเรียนเท่ากัน

ไม่ต้องไปเรียนไกลบ้านให้เหนื่อย ยิ่งรู้สึกดี และที่ประเทศนี้ เราก็รู้สึกได้ว่าปริญญาตรี ไม่ใช่ทุกอย่าง คนเก่งไม่จำเป็นต้องจบสายสามัญ ได้ปริญญามากอด ที่นี่เค้ายกย่องสายอาชีพด้วย จบมาหางานทำได้พอๆ กัน มีความรู้ติดตัว เปิดธุรกิจของตัวเองก็ได้ ชอบตรงนี้

จากการไปเยี่ยมโรงเรียนสองครั้งในโปแลนด์ ทำให้เรารู้สึกว่า เราอยากส่งลูกเรียนเมืองนอก ไม่จำเป็นต้องเป็นที่นี่ แต่ยุโรปแหละ เราพยายามเปรียบเทียบกับชีวิตตัวเองสมัยเป็นเด็กน้อย รวมทั้งสิ่งที่เราพบเจอตอนแวะไปแนะแนวนักเรียนที่โรงเรียนเก่าทุกปี มันต่าง มันแตกต่างจากบ้านเรามากจริงๆ

 

ก็ไม่อยากจะบ่นอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยเยอะ

ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างมันพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพื่อลูกหลาน เพื่ออนาคตของประเทศชาติต่อไปอ่ะนะ

 

 

มาดูรูปกันดีกว่าค่ะ..

เริ่มด้วยบรรยากาศห้องเรียน ที่โรงเรียนแรกให้เราใช้ห้อง Sound Lab ค่ะ

เพื่อนจากฟิลิปปินส์กำลังแนะนำประเทศเค้าอยู่

ส่วนเรานั้น.. สอนรำค่ะ

อีกโรงเรียนนึง เค้าให้เด็กหลายๆ ห้องมาทำกิจกรรมกับเราพร้อมกัน

เด็กก็เลยกลุ่มใหญ่หน่อย เลยต้องพาเด็กๆ ออกมาทำกิจกรรมข้างนอกแก้เบื่อบ้าง

อันนี้สนามเด็กเล่นที่พูดถึงค่ะ เด็กส่วนใหญ่ใช้เวลาพักนอกอาคารแบบนี้

หน้าตาอาหารกลางวันที่.. กินไม่ได้เลย ><“

อ่านจบคอมเมนท์ได้นะคะ

บล็อกต่อไปเป็นบล็อกท่องเที่ยวน๊า อย่าลืมติดตามกันต่อน๊า

Story and Photos by ทับทิม theTabbiesWorld


Follow me :

IG : thetabbiesworld

FB : thetabbiesworld

Youtube : thetabbiesworld

Share what you've read:
Posted in Lifestyle, Volunteer Life and tagged , , , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *