ทับทิมไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะมาค่ะ ตอนนี้กลับจากเกาะหลีเป๊ะแล้ว สิ่งที่อยากจะพูดถึงไม่ใช่เรื่องเกาะที่สวยงาม แต่เป็นเรื่องการเดินทางไปเกาะ
เนื่องจากชาวต่างชาติ 4 คนที่มาทำอาสาที่หาดใหญ่นี่อยากจะลอง Hitchhiking ในประเทศไทยดูบ้าง เลยตัดสินใจว่าทริปนี้เราจะเดินทางโดยใช้เงินน้อยที่สุด
เริ่มจากเดินเท้าออกจากหมู่บ้านเล็กๆ ในอำเภอหนึ่งของจังหวัดสงขลา ณ เวลาบ่ายโมง ไม่ต้องถามว่าแดดร้อนมั้ย แทบจะไหม้กันเลยจ้ะ เป้าหมายคือสิบกิโลก็จะถึงถนนสายหลัก เดินกันไปหลายกิโล รถผ่านไม่ถึงสิบคัน ส่วนใหญ่ก็กลับบ้านใกล้ๆ ไม่ได้เข้าเมือง ก็ไม่ท้อค่ะ แล้วจู่ๆ ก็มีรถจอดรับ เป็นคนในหมู่บ้านที่เคยเจอเราตอนไปซื้อก๋วยเตี๋ยว กำลังจะไปส่งน้องเรียนพิเศษพอดี ก็ใจดีรับพวกเราขึ้นรถมา แล้วพาไปส่งที่สี่แยกที่เค้าจะเลี้ยวไปสตูลกัน
ที่สี่แยกนี้มีรถผ่านเยอะแหละ แต่ก็โบกกันนานพอควร มีคนจอดแวะมาทักทายด้วย สุดท้ายก็มีคนจอดรับแต่ไปไม่ไกล เค้าจะไปอำเภอรัตภูมิ ห่างจากจุดนั้นประมาณ 25 กม. ก็โอเค ไปค่ะ พี่คนนี้ก็ใจดี ขับเลยบ้านตัวเองเกือบสิบกิโล เพื่อไปส่งพวกเราที่สามแยกทางเลี้ยวไปสตูล
ที่สามแยกเราก็ยืนโบกกันต่อ คันที่จอดรับเป็นรถเก๋ง เราเลยแยกกันเดินทาง รถเก๋งนี่ไปสามคน อีกสองคนยืนโบกต่อ ก็มีรถกระบะจอดรับ คนขับรถเก๋งที่เราโดยสารมาด้วยนี่ชื่อพี่แทน ทำงานเกี่ยวกับเอเจนซี่ทัวร์ เค้าก็แนะนำเรื่องเที่ยวเยอะมาก เรื่องราคาตั๋วเรือและค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงให้เบอร์คิวรถตู้จากสตูลไปละงูให้ด้วย แล้วเค้าก็พาเรามาส่งที่เซเว่นแถวๆ ตลาดโต้รุ่งของสตูล เป็นจุดขึ้นรถตู้ด้วยแหละ
หลังจากที่ทุกคนมาถึงพร้อมกันแล้ว เราก็เดินหาอะไรกินที่ตลาด แล้วตัดสินใจว่าเราจะนั่งรถตู้จากสตูลไปละงู ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง 50 บาท เพราะตอนนั้นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว พอไปถึงละงู พวกเราก็ยังใจเย็นเดินเล่น เดินตลาดเย็นกันต่อ แล้วก็เริ่มออกเดินทางไปท่าเรือปากบารา โบกรถบ้างไม่โบกบ้าง เพราะคิดกันว่าสิบโลเอ๊งงง สรุปเดินๆ อยู่ มีพี่ผู้หญิงขับรถกระบะจอดรับเฉยเลยจ้า ไม่ได้โบกเลยนะ นางฟ้ามากๆ พี่เค้าพาไปส่งที่ลานปากบาราวิวพ็อยต์ห่างจากท่าเรือประมาณ 1.5 กม. พี่เค้าแนะนำให้หาของกินและพักแถวนี้ เพราะราคาถูกกว่าใกล้ๆ ท่าเรือ ตอนนั้นเวลาทุ่มกว่าๆ แล้ว โอเค พวกเราก็หาของกินและพักแถวนี้คืนนึง ตอนเช้าก็ตื่นไปขึ้นเรือไปเกาะกัน
.
.
การโบกรถขาไปจบแค่นี้ค่ะ แต่การเดินทางยังไม่จบ เพราะขากลับเราก็ยังต้องโบกรถกลับค่ะ ทุกคนคาดหวังว่าจะง่ายแหละ เพราะคิดว่าน่าจะมีคนเข้าหาดใหญ่เยอะ
.
.
ขากลับเริ่มจากที่ท่าเรือปากบาราเวลาเกือบบ่ายสาม เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ รถน้อยมาก แต่ก็มีคนใจดีพาเราไปส่งที่ละงูที่ห่างจากท่าเรือประมาณสิบกิโล
จากละงูนี่เดินไกลพอสมควรเลย เพราะต้องเดินไปทางแยกที่เค้าใช้เลี้ยวไปสงขลา โบกกันนานมาก แทบจะไม่เจอรถสงขลาผ่านเลย ที่ผ่านก็มีแต่รถคันเล็กๆ มาเป็นครอบครัว เราก็ยังคงเดินไปด้วยโบกไปด้วยต่อไป สุดท้ายมีรถกระบะคันนึงจอดรับ ทุกคนนั่งท้ายกระบะ เรานั่งหน้าคุยกับคุณลุงคนขับ สรุปว่าคุณลุงเป็นตำรวจตชด. กำลังจะไปอำเภอจะนะ จะไปส่งเราได้แค่ทางแยกไปหาดใหญ่นะ แล้วเราก็เริ่มคุยกันไปตลอดระยะทางร้อยกว่ากิโล ชั่วโมงกว่าๆ เลย คุยกันเรื่องที่เที่ยว เรื่องครอบครัวลุง ยันเรื่องโจรใต้ สรุปแล้วคุณลุงพามาส่งแถวๆ สนามบินหาดใหญ่ เพราะเราบอกว่าเราไม่เข้าหาดใหญ่ จะกลับบ้านอีกอำเภอนึง ซึ่งห่างจากสนามบินประมาณสิบกิโล เค้าเลยขับมาส่งที่นี่ คือดีมาก
จากถนนข้างสนามบินที่มีรถผ่านสองสามคัน จู่ๆ ก็มีรถกระบะสองแม่ลูกจอดคุยด้วย เค้าจะไปอีกที่นึงซึ่งไม่ได้ผ่านบ้านเราเลย ก็เลยขับรถจากไป แล้วจู่ๆ เค้าก็ถอยรถกลับมาคุยด้วยอีกที แล้วตัดสินใจว่าจะไปส่งพวกเราที่บ้าน เจอนางฟ้าอีกแล้วค่า
.
.
และแล้วเกือบๆ หกโมงเย็น พวกเราก็ถึงบ้านอย่างปลอดภัยค่ะ
.
.
ประสบการณ์ Hitchhiking ในประเทศไทยครั้งแรก ไปกลับ 7 คัน ทำให้ได้รู้ว่า คนไทยใจดีมีเยอะมาก มีหลายคนจอดรถพูดคุยและอีกหลายคนก็ให้คำแนะนำดีมาก และทุกคนที่รับเราขึ้นรถจะถามคำถามเดียวกันว่า แล้วเรามากับเค้าได้ยังไงเนี่ย ไม่เหนื่อยเหรอ เห็นหน้าหมวยๆ แบบนี้ไม่คิดว่าจะเดินมาขนาดนี้ได้ 😁😅
โอ้โห แบกกระเป๋าเป้ประมาณห้ากิโลเดินไกลขนาดนี้ แดดแรงเบอร์นี้ เหนื่อยสิคะ แต่เดินได้แหละ ไกลกว่านี้ก็เดินมาแล้ว แต่นี่ก็ประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตแหละนะ ถ้าไม่มีเพื่อนพวกนี้ชวนทำ คนไม่มีโอกาสได้โบกรถเองในไทยแบบนี้หรอก สรุปว่า ประทับใจมากๆ ค่ะ