ทุกวันนี้เชื่อว่าหลายคนคงประสบกับปัญหาเล็กๆ ที่บางทีก็ไม่ค่อยเล็ก ที่บรรดาผู้ใหญ่หลายคนในครอบครัวเสพติดการอ่านข่าวสารออนไลน์และพร้อมเชื่อตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นข่าวแปลกใน Facebook หรือข้อความส่งต่อๆ กันมาใน Line กลุ่ม
ตามที่เข้าใจคือใน Line กลุ่มเนี่ย จะรวมกลุ่มคนที่มีความคิดคล้ายๆ กัน หรือเห็นพ้อง หรือชอบอะไรเหมือนๆ กัน และน่าแปลกที่เกือบทุกคนพร้อมเชื่อเมื่อมีใครซักคนส่งข้อความอะไรมาให้อ่าน หรือใครซักคนแชร์ประสบการณ์ พร้อมทั้งเพิ่มความรู้สึกและบทสรุปว่าควรทำแบบนั้น ห้ามทำแบบนี้ โดยที่เหตุผลที่ให้อาจจะไม่จริงเสมอไป
แต่หลายคนก็เชื่อไปแล้วจ้า ไม่คิดที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมอะไรทั้งนั้น
(ดูน่าเชื่อถือมั้ย รูปนี้)
ตัวอย่างเช่น เราได้ยินผู้ใหญ่สองคนที่เรารู้จักคุยกัน คนนึงกำลังจะไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อน พูดเปรยๆ ให้อีกคนฟังว่า
“นี่วางแผนกับเพื่อนอีกสองคนไว้ว่าจะเปิดมือถือใช้ทีละเครื่อง แบตจะได้ไม่หมดก่อนไปถึงโน่น เพราะต้องนั่งเครื่องบินต่อเครื่องอีกประมาณ 2 วันกว่าจะถึง ……เพราะเค้าไม่ให้เอา Power Bank ขึ้นเครื่อง…”
ทับทิมนั่งเล่นมือถืออยู่ข้างๆ หันขวับเลยจ้า ในฐานะแอร์เก่า และผู้โดยสารที่เดินทางมาแล้วเกือบยี่สิบประเทศ เราจะอยู่นิ่งกับความคิดแบบนี้ไม่ได้
…แต่ฟังต่อไปค่ะ
“ก็คนนั้น..(คนที่อยู่ใน Line กลุ่ม) เค้าบอกว่าเค้าโดนยึด Power Bank ไม่ให้เอาขึ้นเครื่อง…..”
เอาล่ะพอแค่นี้ ได้เวลาทับทิมสาระแนค่ะ
“ใครบอกห้ามเอา Power Bank ขึ้นเครื่องบินคะ หนูเดินทางมาตลอดหลายปีนี่เอาขึ้นตลอดเลยนะ”
“ไม่รู้อ่ะ เค้าบอกว่าไม่ต้องเอาไปนะ เพราะเค้าโดนยึดมาแล้ว”
“คนนั้นเค้าให้เหตุผลหรือเปล่าว่าโดนยึดเพราะอะไร มันมีหลายเหตุผลนะที่เค้าจะไม่ให้เอาขึ้นน่ะ มันเก่าจนมองตัวเลขไม่ออก หรือขนาดความจุมากเกินไปหรือเปล่า…
แล้วถ้าหนูบอกว่า เอาขึ้นเครื่องได้ล่ะ จะเชื่อมั้ย Power Bank ทั่วๆ ไปขนาดมันไม่ได้ใหญ่เกินที่เค้าห้ามอยู่แล้วนะคะ”
ขอจบบทสนทนาเอาไว้แค่นี้ค่ะ
ผลก็คือเค้าก็นิ่งๆ ไป แบบหงุดหงิดเล็กๆ เพราะมีเด็กมาเถียงความคิดเค้า และเราคิดว่าเค้าก็คงไม่เอา Power Bank ไปอยู่ดี
การแชร์ข้อมูลผิดๆ บนโลกออนไลน์ ส่วนใหญ่เราจะเฉยเมยนะ เพราะถ้ามันดูไม่น่าเชื่อ มันดูเกินจริง เราก็จะปล่อยผ่าน
แต่นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวเรา
รู้ทั้งรู้ว่าเราเคยทำงานบนเครื่องบินมาก่อน รู้ว่าเราเดินทางบ่อยมาก แต่ไม่เคยมาถาม แถมพูดไปก็ไม่เชื่ออีก
เราไม่ได้มีปัญหาเลยนะถ้าเค้าไม่เอาไปน่ะ โอเค วิธีที่เค้าคิดอาจจะได้ผล แต่ถ้าเกิดฉุกเฉินมาจริงๆ มือถือก็จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่เพื่อติดต่อใครซักคน หรือใช้เป็นวุ้นแปลภาษานะ ต่อให้จะไม่ใช้ Power Bank แต่ก็ควรมีติดตัวเอาไว้
มาพูดถึงเรื่อง Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรอง เอาขึ้นเครื่องบินได้มั้ย
ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน 100000000% เลยว่า “ได้ค่ะ”
อย่างแรก ต้องเอา Power Bank ติดตัวขึ้นเครื่องบินเท่านั้น ห้ามเอาใส่กระเป๋าโหลดลงใต้ท้องเครื่อง เพราะมันอาจจะร้อนทำให้ไฟไหม้กระเป๋าใต้ท้องเครื่อง จบเห่ทั้งลำนะจ๊ะ
สองคือเรื่องขนาดความจุไฟฟ้า
- ความจุไฟฟ้า น้อยกว่า 20,000 mAh (หรือน้อยกว่า 100 Wh) สามารถพกขึ้นเครื่องได้ กี่ก้อนก็ได้
- ความจุไฟฟ้า ระหว่าง 20,000 – 32,000 mAh (หรือระหว่าง 100-160 Wh) สามารถพกขึ้นเครื่องได้เพียง 2 ก้อนเท่านั้น
- ความจุไฟฟ้า มากกว่า 32,000 mAh (หรือมากกว่า 160 Wh) ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องไปด้วย
ที่สำคัญเลย ตัวเลขระบุความจุไฟฟ้าบน Power Bank ต้องมองเห็น อ่านได้ ไม่เลอะเลือน ถ้าไม่สามารถระบุความจุไฟฟ้าได้ โดนยึดอย่างเดียวนะคะ ไม่ว่ามันจะน้อยแค่ไหนก็ตาม เถียงไม่ได้แม้แต่คำเดียวค่ะ
>>ใครไปจีนแนะนำว่าเอาแบบไม่เกิน 20,000 mAh ไปนะคะ ถ้าเกิน เจ้าหน้าที่สนามบินไม่ให้ผ่านค่ะ กฎบ้านเค้าแบบนี้นะคะ แต่น้องสาวเราเคยเอาขนาด 30,000 mAh ไป ตอนแรกเค้าก็ไม่ให้ผ่านหรอก แต่นางเถียง เถียงอังกฤษใส่คนจีนนี่แหละ เค้าก็ยอมให้ผ่านนะ แต่ต้องเถียงกับเจ้าหน้าที่ทุกสนามบินในจีนเลย แนะนำว่าอย่าเหนื่อยเลยค่ะ
แถมนิดนึง เวลาจะชาร์จบนเครื่องบิน แนะนำให้หาที่วางดีๆ ให้ความร้อนมันระบายได้หน่อย อย่าปล่อยให้ทั้ง Power Bank หรือมือถือตกไปตามซอกที่นั่ง ไม่งั้นมันอาจจะร้อนจนไฟไหม้ได้เลยนะคะ มีเคสแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้วนะ คงไม่มีใครอยากจะระทึก มีเหตุไฟไหม้บนเครื่องบินที่เราบินอยู่หรอก ถูกมั้ยคะ
ถือว่าเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่อยากเอามาแชร์เนอะ
และอยากให้ทุกคนสอดส่องดูแลผู้ใหญ่ในครอบครัวในเรื่องของการรับข่าวสารจากโลกออนไลน์ด้วยนะคะ ถ้าเกิดมันเป็นข่าวหรือข้อมูลที่ร้ายแรงกว่านี้ เราจะได้ช่วยเหลือและแก้ไขได้ทันค่ะ
สุดท้ายนี้ ฝากติดตามเพจของทับทิมด้วยนะคะ
The Tabbies World : รีวิวตามใจฉัน
